นายเยมินอ่อง ประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมเมียนมา หรือ UMFCCI เปิดเผยว่าสนธิสัญญาทั้ง 16 ฉบับถือเป้นการสร้างความร่วมมือครั้งใหญ่ระหว่างรัฐบาลพรรค NLD กับไทย โดยไทยถือเป็นผู้ลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในเมียนมา
สำหรับขอบเขตของของ MOU ที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ลงนาม มีทั้งการลงนามระหว่างรัฐต่อรัฐ และรัฐไทยต่อเอกชนเมียนมา โดยประธาน UMFCCI ยืนยันว่าทุกอุตสาหกรรมได้ร่วมลงนามกับไทยทั้งหมด ตั้งแต่ภาคการเงินการธนาคาร เกษตรกรรม ไปจนถึงด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
ในด้านการเงินการธนาคาร ธนาคาร KMZ ของเมียนมาได้ลงนามความร่วมมือกับรัฐบาลไทย ในการเพิ่มความสะดวกในการโอนเงินข้ามประเทศ เนื่องจากแรงงานพม่าที่เข้ามาทำงานในไทยมีจำนวนนับล้านคน มีการส่งเงินข้ามแดนเป็นจำนวนมหาศาล แต่ปัจจุบันระบบการธนาคารของเมียนมายังไม่พัฒนาเท่าที่ควร และยังไม่ได้มีการเพิ่มช่องทางพิเศษในการโอนเงินระหว่างไทย-เมียนมา ทำให้แรงงานนิยมใช้บริษัทเอกชนที่รับฝากเงินอย่างไม่เป็นทางการ หรือโพยก๊วนแทน แม้ว่าในปีที่ผ่านมา KMZ จะเปิดสาขาในไทย และให้บริการโอนเงินข้ามแดนสำหรับแรงงานของทั้งสองประเทศแล้วก็ตาม
ในปีงบประมาณ 2016-2017 ที่ผ่านมา การลงทุนของไทยในเมียนมา คิดเป็นจำนวนสูงถึง 3,700 ล้านบาท เป็นอันดับ 3 รองจากสิงคโปร์และจีน โดยปีที่ผ่านมา สิงคโปร์ลงทุนในเมียนมาถึง 2,600 ล้านดอลลาร์ หรือ 91,000 ล้านบาท