เซียนพระเมืองพัทยา หอบหลักฐานเข้าร้องเรียนต่อชมรมคนไม่กลัวอิทธิพล เนื่องจากก่อนหน้านี้ถูกคนร้ายบุกเข้าไปในบ้านพักเพื่อขโมยพระเครื่องไปมูลค่าความเสียหายกว่า 40 ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายระบุว่าต้องการให้ทางชมรมฯ ช่วยเร่งรัดและติดตามความคืบหน้าของคดี เนื่องจากเกรงว่าพระที่ถูกขโมยไป จะถูกนำไปจำหน่ายต่อในตลาดพระพื้นที่อื่นๆ
ที่สำนักงานชมรมคนไม่กลัวอิทธิพล นายคำแหง ขำสาสดี (ขำ-สา-สะ-ดี) เจ้าของพระเครื่องมูลค่าความเสียหายกว่า 40 ล้านบาท ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายตภิกฤษ พวงกุหลาบ ประธานชมรมคนไม่กลัวอิทธิพล เพื่อให้เข้าช่วยเหลือ และติดตามความคืบหน้าคดี หลังจากที่ก่อนหน้านี้คนร้าย ได้ก่อเหตุงัดบ้าน เข้าไปขโมยพระเครื่องพระบูชา ภายในบ้านพักของตนเอง เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 เวลา 06.00 น. จุดเกิดเหตุอยู่บ้านเลขที่ 6/10 ซอยพัทยาใต้ซอย3 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
โดยนายคำแหง ระบุว่าตนเองให้เวลากับตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ประมาณ 1 สัปดาห์ แล้ว แต่คดียังเหมือนไม่มีความคืบหน้า ที่สำคัญตอนนี้ ตอนเองเป็นห่วงว่าพระที่ถูกขโมยไป จะถูกนำไปขายให้กับกลุ่มเซียนพระ หรือตลาดพระพื้นที่อื่น และจะทำให้ยากต่อการติดตาม เพราะพระแต่ละองค์มีมูลค่าหลายล้านบาท และบางส่วนเป็นพระที่เป็นมรดกตกทอดจากพ่อแม่ปู่ย่าตายาย เช่น สมเด็จบางขุนพรม ซุ้มกอ หลวงพ่อเงิน หลวงปู่ทวด หลวงปู่ทิม หลวงปู่อี๋ เป็นต้น จึงอยากรักษาไว้
คำแหง ขำสาสดี (ขำ-สา-สะ-ดี) ผู้เสียหาย
ขณะที่ทางประธานชมรมคนไม่กลัวอิทธิพล ระบุว่า เดี๋ยวหลังจากตรวจสอบเอกสารต่างๆ ที่ทางด้าน นายคำแหง นำมาแสดงกับทางชมรมฯ ตอนนี้ได้มีการประสาไปยังพันตำรวจเอกฐนพงษ์ โพธิ ผู้กำกับ สภ.เมืองพัทยา เพื่อให้ช่วงเร่งรัดติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ด้วยวาจาแล้ว เนื่องจากเกรงว่าหากปล่อยให้ระยะเวลายืดยาวออกไป จะทำให้ยากต่อการติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี
ตภิกฤษ พวงกุหลาบ ปธ.ชมรมคนไม่กลัวอิทธิพล
อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้ ทางชมรมฯ จะพาผู้เสียหาย เดินทางไปยัง สภ.เมืองพัทยา เพื่อทวงถามความคืบหน้าของคดี และหากคดีดังกล่าว ไม่มีความคืบหน้าอีก ก็จำเป็นที่จะต้องเดินทางไปยื่นหนังสือ ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในลำดับอื่นๆด้วยเช่นกัน