“ยิ่งลักษณ์” ขึ้นศาลสืบพยานฝ่ายจำเลย นัด 11 เผยหลังจากที่ผู้ถูกฟ้องแก้คำโต้แย้งแล้วเสร็จใน 30 วัน ศาลจะนัดอีกครั้ง
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 กรกฎาคม ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมทีมทนาย เดินทางมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อขึ้นสืบพยานฝ่ายจำเลยนัดที่ 11 ในคดีโครงการรับจำนำข้าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย โดยมีบรรดาอดีตรัฐมนตรี แกนนำพรรคและอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) อาทิ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกฯ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายวราเทพ รัตนากร อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรค ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช อดีต ส.ส.ขอนแก่น เป็นต้น ร่วมให้กำลังใจ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 จำนวน 1 กองร้อย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการขอทุเลาคำสั่งทางปกครองในการยึดทรัพย์คดีจำนำข้าวต่อศาลปกครองว่า ขณะนี้ผู้ถูกฟ้องขอเลื่อนคำโต้แย้งให้การต่อศาลคงต้องรอหลังจากที่ผู้ถูกฟ้องแก้คำโต้แย้งแล้วเสร็จใน 30 วัน ซึ่งศาลปกครองคงจะนัดมาอีกครั้ง ขณะเดียวกันตนก็ต้องทำคำชี้แจงเพิ่มเติมต่อศาลและได้ส่งคำชี้แจงไปแล้ว โดยรายละเอียดที่ส่งไปชี้แจงว่า คดียังอยู่ในการไต่สวนของคดีอาญาและศาลปกครองได้รับคำร้องไว้แล้ว แต่ขณะนี้กรมบังคับคดีจะต้องดำเนินตามคำสั่งมาตรา 44 ที่จะให้เข้ามายึดและอายัดทรัพย์ได้ทันที เรื่องนี้ทำให้ตนมีความลำบากมากเนื่องจากคดียังไม่ถึงที่สุด ทั้งที่ยังไม่รู้ผลคดีอาญาก็จะเป็นการชี้นำ
เมื่อถามว่า คดีจำนำข้าวใกล้ถึงที่สิ้นสุด มั่นใจหรือไม่ว่าจะชนะคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ได้ทำอย่างเต็มที่ และพยานทุกปากที่นำมาสืบต่อหน้าศาลได้ทำอย่างเต็มที่ โดยชี้แจงทุกข้อกล่าวหา ส่วนผลจะเป็นอย่างไรอยู่ที่ดุลยพินิจขององค์คณะ คงไม่สามารถพูดอะไรได้