คณะกรรมการคุ้มครองสื่อมวลชนทั่วโลก ประณามคำตัดสินของศาลเมียนมาร์รุนแรงเกินไป สั่งลงโทษ
5 นักข่าวชาวเมียนมาร์ ให้ทำงานหนัก นานถึง 10 ปี จากการรายงานข่าวรัฐบาลทหารเมียนมาร์สร้าง
โรงงานอาวุธเคมี
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 12 ก.ค.ว่าสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนในเมียนมาร์กำลังถูกตั้งคำถาม
อีกครั้ง ขณะที่บรรดานักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน พร้อมทั้ง ผู้สื่อข่าวทั้งในและต่างประเทศ ได้ออก
มาวิพากษ์วิจารณ์คำตัดสินของศาลเมียนมาร์ ที่พิพากษาลงโทษผู้สื่อข่าวชาวเมียนมาร์ 4 คนและผู้บริหาร
1 คน ของนิตยสารรายสัปดาห์ในเมียนมาร์ ‘ยูนิตี้ วีคลี่’ ด้วยการให้ทำงานหนัก เป็นเวลานานถึง 10 ปี จาก
ความผิดในข้อหารายงานข่าวเท็จ อ้างว่า รัฐบาลทหารเมียนมาร์สร้างโรงงานอาวุธเคมี
นายถั่น ซอว์ อ่อง ทนายความของผู้สื่อข่าวชาวเมียนมาร์ทั้ง 4 คน เปิดเผยว่า นักข่าวเมียนมาร์ที่ต้องรับโทษ
ทำงานหนักเป็นเวลาถึง 10 ปี ได้แก่ ยาซาร์ โซ, ซิธู โซ, ลู หม่อ เนียง และเปียง เธ็ต คยอว์ ส่วนผู้บริหาร คือ
นายถิ่น ซาน โดยทั้งหมดทำงานอยู่ที่นิตยสารการเมืองรายสัปดาห์ ยูนิตี้ วีคลี่ ในกรุงย่างกุ้ง พร้อมกันนั้น
นายอ่อง ทนายความยังกล่าวด้วยว่า จำเลยทั้ง 5 ถูกตัดสินกระทำผิดภายใต้กฎหมายด้านความมั่นคง
‘ความลับแห่งชาติ’ ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2466
ด้านคณะกรรมการคุ้มครองสื่อมวลชนทั่วโลก (CPJ) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในนครนิวยอร์ก ชี้ว่า ผู้สื่อข่าว
ชาวเมียนมาร์ทั้ง 4 ได้รายงานข่าวซึ่งตีพิมพ์ลงในนิตยสาร เมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลทหาร
เมียนมาร์ได้ยึดที่ดินของประชาชนหลายพันไร่ เพื่อนำมาใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างโรงานอาวุธเคมี
ขณะที่ รัฐบาลเมียนมาร์ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ระบุว่า ทหารเมียนมาร์ใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่ากบฏชนกลุ่มน้อย
ในประเทศมาตลอด โดยนายบ๊อบ เดียตซ์ ผู้ประสานงานโครงการเอเชีย ของคณะกรรมการคุ้มครองสื่อมวลชน
ทั่วโลก ชี้ว่า ซีเจพี ได้ส่งเสียงเตือนว่า นักข่าวชาวเมียนมาร์เหล่านั้นถูกพิจารณาคดีภายใต้กฎหมายเกี่ยวกับ
การสอดแนม หรือเป็นสปาย พร้อมกับได้ประณามการตัดสินลงโทษที่รุนแรงต่อบรรดานักข่าวชาวเมียนมาร์
ข่าวแจ้งว่า มีนักข่าวจำนวนมาก บางคนสวมเสื้อยืดเขียนข้อความ “หยุดฆ่านักข่าว’ ได้ไปร่วมชุมนุมกันที่เจดีย์
ชะเวดากอง เมื่อวันศุกร์ ที่ผ่านมา พร้อมกับร่วมสวดมนต์ให้นักข่าวทั้ง 4 และผู้บริหารของนิตยสาร ยูนิตี้ วีคลี่
โดยนายออง ซอว์ บรรณาธิการนิตยสารข่าว อิระวดี กล่าวกับนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า คดีนี้ แสดงให้เห็นว่า จะต้อง
มีการกลับไปชุมนุมประท้วงกันอีกครั้งเพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพในเมียนมาร์
อย่างไรก็ตาม นสพ. แสงใหม่แห่งเมียนมาร์ กระบอกเสียงของทางการรายงานว่า ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง
ของเมียนมาร์ ได้กล่าวเตือนเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สิทธิเสรีภาพของสื่อ ที่เพิ่มขึ้นในประเทศเมียนมาร์
ควรถูกใช้โดยปราศจากการคุกคามต่อเสถียรภาพความมั่นคงของประเทศ.