วันนี้ เมื่อเวลา 11.00 น ที่ศาลรัฐธรรมนูญ กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยและคณะรณรงค์รัฐธรรมนูญประชาชน (ครช.) ประมาณ 20 คน นำโดยนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข พร้อมมวลชน ชุมนุมหน้าศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อคัดค้านศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล กรณีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกลสิ้นสุดลงตามมาตรา 82 และ รับคำร้องกรณีพรรคก้าวไกลแก้ไขมาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครองอันจะมีผลต่อการยุบพรรคก้าวไกล ทั้งนี้มีมวลชนจำนวนหนึ่งทยอยเดินทางมา ท่ามกลางการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกองร้อยน้ำหวาน หรือตำรวจควบคุมฝูงชนหญิง ที่มีการวางกำลังดูแลพื้นที่บริเวณโดยรอบอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ หรืออาคาร A โดยมีการนำแผงเหล็กมากั้น บริเวณด้านหน้าห่างจากตัวอาคาร ประมาณ 50 เมตร โดยมีเจ้าหน้าที่ศาลฯ เป็นผู้รับหนังสือร้องเรียน
โดยแกนนำผู้ชุมนุมได้สลับกันปราศรัย และอ่านแถลงการณ์ โดยนายสมยศ กล่าวตอนหนึ่งว่า ปกติแล้วหลังการเลือกตั้งในหลายประเทศทั่วโลก ภายใน 1 สัปดาห์ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ แต่ประเทศไทยผ่านมา 2 เดือนยังคงไม่จบสิ้น เราพบว่ากกต.ใช้เวลาไม่นานในการเร่งรัดพิจารณากรณีการถือหุ้นสื่อ itv ของนายพิธา ก็ส่งเรื่องมาที่ศาลรัฐธรรมนูญเลย ซึ่งทั้งนี้วิญญูชนทั้งหลายเข้าใจว่า เป็นการใช้กฎหมายโดยไม่สุจริต ใช้กฎหมายเพื่อล้มล้างประชาธิปไตย ดังนั้นวันนี้จึงมา เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญได้ไต่สวนความสัมพันธ์เชื่อมโยงของผู้ร้อง เพราะกระบวนการร้องเรียนเช่นนี้ เกิดขึ้น แล้วศาลรัฐธรรมนูญหยิบมาพิจารณานั้นจะนำมาซึ่งความขัดแย้งในสังคม จะนำมาซึ่งการทำลายประชาธิปไตย
“ขอเรียนว่า การแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลและการขอยกเลิกมาตรา 112 ของคณะราษฎรนั้นใช้กระบวนการนิติบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ โดยพรรคก้าวไกลก็ใช้ฐานะความเป็นผู้แทนปวงชนไทยเข้าชื่อและยื่นขอแก้ไข ดังนั้น คณะราษฎรก็เข้าชื่อหมื่นชื่อเพื่อขอให้แก้ไข นี่คือกระบวนการนิติบัญญัติที่ชัดเจน เป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่จะขอแก้ไขกฎหมาย วันนั้นหากปล่อยให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปในทางที่ทำให้เป็นการทำลายประชาธิปไตย สิทธิประชาชนถูกละเมิด บ้านเมืองก็จะหายนะ บ้านเมืองจะสิ้นหวังต่อองค์กรอิสระองค์ กรยุติธรรมทั้งหลาย แล้วจะผลักดันให้สังคมไทยเกิดการเคลื่อนไหวการต่อสู้ของประชาชน” นายสมยศ กล่าว
นายสมยศ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายกำลังศึกษาข้อกฎหมาย และรวบรวมความเห็นในการการอภิปรายโหวตนายกฯ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมาแล้วหยิบยกเรื่องมาตรา 112 ขึ้นมานั้น เป็นข้ออ้างในการไม่โหวตนายพิธาเป็นนายกฯ อาจจะเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ทำให้ประชาธิปไตยหยุดลง ทำให้เสียงข้างมากของรัฐสภาไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ กระบวนการที่ส.ว.กำลังดำเนินการนั้นเป็นการขัดขวางประชาธิปไตย บ่อนทำลายความมั่นคงของประชาธิปไตย ทำให้หลักการประชาธิปไตยในรัฐธรรมนูญและสากลนานาประเทศเสียหาย ฉะนั้นจะเห็นว่ากระบวนการล้มล้างการปกครองได้เกิดขึ้นแล้ว แม้กระทั่งในสภาผู้แทนราษฎร ของส.ส โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ขณะนี้อยู่ ระหว่างการรวบรวมเพื่อยื่นต่อ ป.ป.ช.อยากให้ส.ส.- สว. ตระหนักถึงประชาธิปไตย หลักสิทธิเสรีภาพของประชาชน ต้องทำหน้าที่ปกป้องตรงนี้ด้วย ไม่ใช่แค่อ่านกฎหมายและวินิจฉัยไปในทางที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบประชาธิปไตย
“ขอให้ส.ว.ยอมรับ ผลของการกระทำสิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้ไม่ใช่การคุกคามหรือไล่ล่าแม่มด การที่มีคนไปกดกริ่งหน้าบ้าน หรือประกาศ แบนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับส.ว.ทั้งหมด เป็นการแสดงออกด้วยสันติวิธี” นายสมยศ กล่าว
นายสมยศกล่าวต่อว่าในวันที่ 19 ก.คจะมีการแต่งชุดดำและ จัดกิจกรรมฌาปนกิจศพส.ว. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 17.00 น. เราขอประกาศ ศึกกับองค์กรอิสระ ทั้งกกตและศาลรัฐธรรมนูญโดยใช้สิทธิ์ในการชุมนุม นำเสนอความคิดเห็นของประชาชน ไม่ปล่อยให้องค์กรเหล่านี้ทำตามอำเภอใจเพื่อตอบสนองต่อเผด็จการ ย้ำว่านี่เป็นภาระหน้าที่ของประชาชนที่จะผลักดันให้เกิดกระบวนการประชาธิปไตยไม่ปล่อยให้ 8 พรรคการเมืองดำเนินการต่อฝ่ายเดียวและขอเรียกร้องให้ 8 พรรคการเมืองเหนียวแน่นยืนหยัดไปด้วยกันเพื่อกำจัดอำนาจเผด็จการ และเดินไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้สั่งเตรียมรถฉีดน้ำแรงดันสูง หรือจีโน่ และรถเติมน้ำ พร้อมรถบรรทุกควบคุมผู้ต้องหาขนาดใหญ่ 2 คัน มาจอดสแตนบายไว้ เพื่อรอรับมือสถานการณ์หากมีการชุมนุมในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ซึ่งคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะมีการประชุมพิจารณาว่าจะรับคำร้องที่กกต. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของส.ส.ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ และหากศาลฯ มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยแล้ว จะมีคำสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ไว้หรือไม่