เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่าย คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จะประชุมเพื่อพิจารณาผลการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีมีผู้ยื่นร้องต่อกกต. ขอให้พิจารณาและส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า การที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเนตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล มีชื่อถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด มหาชน จำนวน 42,000 หุ้น เข้าลักษณะต้องห้ามมีให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งส.สตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) และเป็นเหตุให้สมาชิกภาพส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา101(6) หรือไม่
ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้สรุปรข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งข้อกฎหมาย พยานหลักฐานต่างๆ และประสานข้อมูลกับคณะกรรมการไต่สวนนายพิธา กรณีรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งแต่ยังคงลงสมัครตามมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.
รายงานข่าวแจ้งว่า คาดว่าที่ประชุมกกต. จะมีมติส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัย โดยให้สำนักงานกกต.ดำเนินการทันทีไม่ว่าจะมีมติออกมาในเวลาใดก็ตาม
ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวกกต.มีมติตั้งขึ้นเมื่อช่วงปลายมิ.ย.ที่ผ่านมา หลังมีการยื่นคำร้องใหม่ของทั้งนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 ขอให้กกต.ดำเนินการส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพส.ส.ของนายพิธาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 และคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา นำโดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธาน กมธ. ได้นำหลักฐานเกี่ยวกับการถือหุ้นไอทีวี ของนายพิธา มามอบให้กับกกต. เพื่อหวังให้กกต.ยื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้เร็วขึ้น
ก่อนหน้านี้นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. ก็ให้สัมภาษณ์ระบุว่า การดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ของกกต.จะเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อกกต.เห็นว่ามีข้อมูลเพียงพอก็สามารถมีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาได้ โดยก่อนมีมติจะเชิญหรือไม่เชิญนายพิธา ผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงต่อกกต.ก่อนหรือไม่ก็ได้
หากกกต.มีมติและเสนอเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งปกติจะประชุมประจำสัปดาห์ในวันพุธ ซึ่งสัปดาห์นี้จะตรงกับวันที่ 12 ก.ค. หากศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัย และมีคำสั่งให้นายพิธา หยุดปฏิบัติส.ส.ไว้จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยย่อมมีผลต่อการโหวตสนับสนุนนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ตามที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดประชุมรัฐสภาในวันที่ 13 ก.ค.นี้