ที่ หน้าศาลากลางจังหวัดลพบุรี นายวิโรจน์ ผดุงกลิ่น นายกสมาคมชาวไร่อ้อยจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยนายวิชัย วงศ์ศรีไทย นายกสมาคมชาวไร่อ้อยโคกสำโรง สระโบสถ์ ลพบุรี และตัวแทนกลุ่มเกษตรกรชาวไร่อ้อยกว่า 200 คน รวบตัวเดินทางเข้าไปยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ที่ หน้าศาลากลางจังหวัดลพบุรี โดย มีนางเพชรรัตน์ เลิศรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นผู้รับหนังสือแทน
ด้าน นายวิโรจน์ ผดุงกลิ่น นายกสมาคมชาวไร่อ้อยจังหวัดลพบุรี กล่าวถึงการที่มายื่นหนังสือในวันนี้ เพื่อที่จะติดตามทวงถามถึงโครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสด คุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ตามมติที่คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2554 ได้เห็นชอบแนวทางและ หลักเกณฑ์การช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดี เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ฤดูการผลิตปี 2563/2564 ในอัตราตันละ 120 บาท เพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม และแบ่งเบาภาระเกษตรกรชาวไร่อ้อยในการตัดอ้อยสด ซึ่งในปัจจุบันเกษตรกรชาวไร่อ้อยต้องแบกรับภาระ ต้นทุนการผลิตอ้อย เช่น ค่าปุ๋ย ค่ายาปราบศัตรูพืช และค่าน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น โดยชาวไร่ อ้อยมีความหวังจากการช่วยเหลือ เงินค่าตัดอ้อยสด ต้นละ 120 บาท ซึ่งในปีการผลิตที่ผ่านมา เกษตรกรชาวไร่อ้อยได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐแล้ว แต่ในปี การผลิต 2565/2566 ชาวไร่อ้อยยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐแต่อย่างใด อาจจะ เนื่องจากอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวของการจัดตั้งรัฐบาล จากปัญหาดังกล่าว 4 องค์กรชาวไร่อ้อย ซึ่ง ประกอบด้วย สหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย, ชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน, สหพันธ์สมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และ สมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ได้ประชุมกันเมื่อ วันที่ 27 มิถุนายน 2566 และมีมติ ให้สมาคมชาวไร่อ้อยทุกสมาคมฯ นำเรื่องการจ่ายเงิน ช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสด คุณภาพดี ๆ ฤดูการผลิตปี 2565/2566 (ตันละ 120 บาท) นำเรียนผ่านท่านผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลให้รับทราบ เพื่อขอให้ จัดสรรงบประมาณช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดส่งโรงงาน ให้ได้รับการช่วยเหลือ จากภาครัฐต่อไป ทั้งนี้เพื่อเกษตรกรชาวไร่อ้อย จะได้รับราคาอ้อยที่ใกล้เคียงกับต้นทุนการผลิต และมีผลตอบแทนเพียงพอในการที่จะนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพ ของตนเอง และครอบครัวต่อไป
ขณะที่ นางเพชรรัตน์ เลิศรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี กล่าวถึงปัญหา ฝุ่นละออง PM 2.5 ช่วงโรงงานน้ำตาลเปิดหีบ ชาวไร่อ้อย ก็เป็นจำเลยของสังคมและกล่าวหาชาวไร่อ้อย ว่าเป็นต้นเหตุทำให้เกิดฝุ่นละออง PM 2.5 สาเหตุจากชาวไร่อ้อยเผาอ้อยแล้วตัดอ้อยส่งเข้า โรงงาน หรือจะเกิดจากไฟป่า จากคนหาตีผึ้งก็ดี หลังจากโรงงานน้ำตาลหยุดหีบอ้อย PM 2.5 ก็ยังมีปริมาณที่มากไม่ลดลง – ยกตัวอย่างในกรุงเทพมหานคร สาเหตุมาจากท่อไอเสียรถยนต์ – ภาคเหนือ (เชียงราย, เชียงใหม่, แม่ฮ่องสอนและน่าน) เกิดจากไฟไหม้ป่า ทำให้เกิด ฝุ่นละออง PM 2.5 – จากประเทศเพื่อนบ้าน(ลาว, พม่า) ในเรื่องของการไฟไหม้ป่า ซึ่งจะเห็นได้ว่าชาวไร่ อ้อยเป็นสาเหตุแค่ในช่วงตัดอ้อยเข้าโรงงาน ช่วงเดือนมกราคม กุมภาพันธ์และมีนาคม หลังจากปัญหาการเผาอ้อย ทำให้เกิดฝุ่นละออง PM 2.5 ทางภาครัฐร่วมกับ 4 องค์กรชาวไร่อ้อย ร่วมหาวิธีแก้ไขโดยฝ่ายชาวไร่อ้อยร่วมมือกับภาครัฐรณรงค์ในการตัดอ้อย สดส่งเข้าโรงงานเพื่อลดฝุ่นละออง PM 2.5 ในการตัดอ้อยสดชาวไร่อ้อยต้องแบกภาระเพิ่มต้นทุนในการตัดอ้อยสด จึงเรียกร้อง ให้รัฐบาลหางบประมาณมาช่วยเหลือ สรุปได้ดังนี้ – รัฐบาลรับปากชาวไร่อ้อยว่าจะหางบประมาณมาช่วยเหลือชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสด เป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี โดยเริ่มจากปีการผลิต 2563/64, 2564/65 และ2565/66 ใน ส่วนของปี 2565/66 ทางฝ่ายชาวไร่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทางภาครัฐเลย วันนี้ ทางฝ่ายชาวไร่อ้อยจึงต้องมาทวงสัญญาโดยทำหนังสือถึงผู้ว่า เพื่อนำเสนอไปยัง รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยจัดสรรงบประมาณมาให้ความช่วยเหลือเกษตรกร ชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดเข้าโรงงาน ต่อไป
……………………………………………………
นันท์นภัส วงศ์ใหญ่
สมชาย เกตุฉาย
ศูนย์ข่าวภาคกลางหนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ