รอยเตอร์ส สื่อชื่อดังจาก อังกฤษ รายงานว่า เอ็นริเก้ เปญา เนียโต ประธานาธิบดีเม็กซิโก เตรียมปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ในระดับสูงสุด โดยให้รัฐบาลกำหนดแนวทางเจรจากับรัฐบาลของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ไม่ใช่การเผชิญหน้า และการกดขี่ แต่เป็นการเจรจาหารือกันอย่างเป็นธรรมเท่านั้น
ประธานาธิบดีเม็กซิโก ยืนยันว่า เขาต้องการรักษาตามที่ตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟต้า) โดยเป็นข้อตกลงการค้าระดับไตรภาคี ระหว่างสหรัฐฯ, แคนาดา และเม็กซิโก มีผลบังคับใช้ เมื่อปี 2537 ซึ่ง เนียโต ให้ความเห็นว่า ตลาดเดียวกันระหว่าง 3 ประเทศ ควรปราศจากกำแพงและการกีดกัน ขณะที่ผู้นำสหรัฐฯ ขอทบทวนข้อตกลงดังกล่าวอีกครั้ง
ทั้งนี้ เนียโต มีกำหนดพบ ทรัมป์ ที่กรุงวอชิงตัน ในวันที่ 31 มกราคมนี้ และต้องการเจรจาว่า เม็กซิโก ต้องการสะพานไม่ใช่กำแพง โดยข้องความดังกล่าว เนียโต ต้องการจะสื่อว่า ทรัมป์ ต้องการก่อสร้างกำแพงสูงทึบกั้นตลอดแนวพรมแดนทางตอนใต้ของสหรัฐฯ ที่ติดกับภาคเหนือของเม็กซิโก ซึ่งคำแถลงของ เนียโต เป็นสาระสำคัญของแผนยุทธศาสตร์ 10 ข้อ ที่รัฐบาลเม็กซิโก ต้องการใช้เป็นเงื่อนไขในการเจรจากับ ทรัมป์ รวมถึง การขอให้สหรัฐฯ คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของผู้อพยพชาวเม็กซิกัน การเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างเสรี และการเพิ่มความร่วมมือด้านระบบโทรคมนาคมเข้าสู่ข้อตกลงนาฟตา
อย่างไรก็ตาม กรณีที่สหรัฐฯ ถอนตัวออกจากความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (ทีพีพี) ที่เม็กซิโก เป็นหนึ่งในสมาชิกด้วยนั้น เนียโต กล่าวว่า หาก ทีพีพี ไม่สามารถเดินหน้าได้จริง เม็กซิโก จะใช้วิธีเจรจาระดับทวิภาคีกับสมาชิกทีพีพีเป็นรายประเทศแทน โดยจะเน้นประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกาก่อน ได้แก่ชิลี และเปรู