หัว ชุนอิง โฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงการณ์ว่า รัฐบาลวอชิงตันของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องมีความเข้าใจ หลักการจีนเดียว ที่เป็นพื้นฐานของการรักษาความสัมพันธ์ทางการฑูตก่อนจะขยายสู่ความร่วมมือหลายๆด้านระหว่าง สหรัฐฯ กับ จีน
ก่อนหน้านี้ ผู้นำสหรัฐฯ คนที่ 45 ได้กล่าวสุนทรพจน์ ในวันที่เข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา แต่ไม่ได้กล่าวถึง จีน โดยได้พูดถึงแนวทางบริหารเศรษฐกิจของประเทศว่า ใช้ของอเมริกันและซื้อของอเมริกัน ซึ่งข้อความดังกล่าว อาจเป็นการส่งสัญญาณไปยัง จีน หลังช่วงที่ ทรัมป์ หาเสียง เมื่อปีที่ผ่านมา ได้ยกคำกล่าวอ้างว่า จีน เอาเปรียบทางการค้าสหรัฐฯทุกด้าน ทั้งเรื่องสายงานการผลิต หรือกำหนดค่าเงิน ซึ่งเขาพร้อมจะใช้มาตรการตอบโต้ และอาจรวมถึงการขึ้นอัตราภาษีสินค้านำเข้าสูงถึง 45% ขณะที่ เเจ็ค หม่า เจ้าของบริษัท อลีบาบา ผู้ให้บริการด้าน อี-คอมเมิร์ซ ชาวจีน ได้กล่าวระหว่างการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก หรือ เวิลด์ อีคอนอมิก ฟอรั่ม (ดับเบิลยูอีเอฟ) ว่า ไม่เคยมีประเทศใด รวมถึง จีน ที่คิดแย่งงานจากชาวอเมริกัน แต่เป็นสหรัฐฯ ที่ใช้เงินผิดพลาดเอง โดยเสียเงินมากกว่า 14 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 490 ล้านล้านบาท) ไปกับการทำสงครามถึง 13 ครั้ง ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ได้ตั้งคำถามถึงรัฐบาล จีน เกี่ยวกับความสำคัญของหลักการจีนเดียว ที่หมายถึงการยอมรับว่า รัฐบาลกลางกรุงปักกิ่ง เป็นรัฐบาลเดียวของจีน ซึ่งเป็นสิ่งที่สหรัฐฯ ยึดมั่นมาตั้งแต่การเจรจาระหว่าง ริชาร์ด นิกสัน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับ โจว เอินไหล นายกรัฐมนตรีของจีน เมื่อปี 2515 และสภาคองเกรสในสมัย จิมมี่ คาร์เตอร์ เป็นประธานาธิบดี ที่ลงมติยอมรับหลักการดังกล่าวอย่างเป็นทางการ เมื่อปี 2522 แต่ ทรัมป์ ไม่เห็นด้วย ก่อนจะกล่าวว่า ต้องเจรจากับ จีน เกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง ขณะที่เจ้าที่ระดับสูงของรัฐบาลจีน ไม่ต้องการเจรจา เพราะคิดว่าหลักการนี้เป็นเรื่องที่ต่อรองไม่ได้