ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม.ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้
สตม. ได้รับการประสานงานจากสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย กรณีผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) รายสำคัญ คือ MR.HUANG หรือ นายหวง (นามสมมติ) อายุ 61 ปี สัญชาติจีน (ไต้หวัน) ซึ่งก่ออาชญากรรมหลอกลวงประชาชน เปิดบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ ปั่นหุ้นหลอกลวงประชาชน มีผู้เสียหายมากกว่า 10,000 ราย ความเสียหายมากกว่า 23,000 ล้านบาท
บก.สส.สตม. จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ต.สิทธิมณ สร้อยภู่ระย้า สว.กก.4 บก.สส.สตม. พร้อมพวก สืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สืบสวนจนทราบว่า MR.HUANG ถือหนังสือเดินทางประเทศวานูอาตู เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 ก.พ.64 ด้วยวีซ่า THAILAND PRIVILEGE CARD และหลบซ่อนตัวอยู่ในคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านประตูน้ำ จึงได้ทำการสืบสวนและติดตามจนพบ MR.HUANG ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราวฯ ที่บริเวณริมถนนย่านประตูน้ำ จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและ ขอทำการตรวจค้น ก่อนการตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์จนเป็นที่พอใจแล้ว โดย MR.HUANG สมัครใจ พาตรวจค้นห้อง ผลตรวจค้นพบ เงินสดมูลค่า 1 ล้านบาท, โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง,บัตรประชาชนของประเทศสิงคโปร์ พร้อมทั้งบัตรเครดิตจำนวนหลายรายการ และ MR.HUANG ยังยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ได้หลบหนีไปที่ประเทศสิงคโปร์ จากนั้นได้ทำหนังสือเดินทางประเทศวานูอาตู และหลบหนีเข้ามาที่ประเทศไทย ซึ่งหลังการจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและหัวหน้าแผนกประสานงานอาชญากรรมประจำประเทศไทยกองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติไต้หวัน ได้ร่วมทำการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม และนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พฤติการณ์ของแก๊งดังกล่าวนั้น มีการจัดตั้งบริษัทเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยาในช่วงสถานการณ์ การแพร่ระบาด COVID-19 หลังจากมีการเปิดบริษัทแล้วได้นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์และให้ผู้ร่วมขบวนการทำการเปิดบริษัทที่อยู่ในต่างประเทศทำการเข้าซื้อหุ้นของบริษัทดังกล่าว และทำรายงานอันเป็นเท็จเพื่อเผยแพร่ให้กับประชาชนเพื่อหลอกลวงให้ประชาชนเข้าซื้อหุ้น โดยราคาของหุ้นจะถูกปั่นไปจนถึง 500,000 กว่าบาทต่อ 1000 หุ้น และหลังจากที่มีประชาชนซื้อหุ้นแล้วได้โยกเงินไปยังต่างประเทศแล้วทำการปิดบริษัท เบื้องต้นมีผู้เสียหายมากกว่า 10,000 ราย ความเสียหายมากกว่า 23,000 ล้านบาท และจากการสืบสวนขยายผลของผู้ต้องหารายนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติไต้หวัน ได้ทำการยึดทรัพย์ของผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 60 ล้านบาท และ มีการออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้อีก 29 ราย โดยจับกุมได้แล้ว 27 ราย
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน