เจ.พี.มอร์แกน เชส แอนด์ โค วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐฯ เปิดเผยรายงาน กรณียกระดับความน่าเชื่อถือหลักทรัพย์ของ อินโดนีเซีย ขึ้นมา 1 ระดับ เรียบร้อยแล้ว หลังถูกจัดให้อยู่ในระดับกลาง พร้อมระบุว่า การยกระดับเป็นผลมาจากความผันผวนในตลาดโลกที่เป็นผลจากการชนะ การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ มีการแก้ไขข้อมูลรายงานฉบับแรก ที่เผยออกมา เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เพื่อเป็นการลดระดับความน่าเชื่อถือในหลักทรัพย์ของ อินโดนีเซีย ลง 2 ขั้น พร้อมวิเคราะห์ว่า ชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ผู้นำคนหใม่ของสหรัฐฯๆ ได้ลดความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างชาติในตลาดเกิดใหม่ รวมถึง อินโดนีเซีย ด้วย หลังมีการขายพัธบัตรอินโดนีเซีย สูงถึง 2,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 98,000 ล้านบาท) ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 ส่งผลให้รัฐบาล จาการ์ตา ไม่พอใจ ก่อนจะกล่าวว่า รายงานนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือ เป็นเพียงกลยุทธ์ทางเทคนิคของ เจ.พี.มอร์แกน ในการทำลายเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังของ อินโดนีเซีย ได้ออกมาประกาศภายหลังว่า พวกเขาได้ระงับความสัมพันธ์กับ เจ.พี.มอร์แกน เรียบร้อยแล้ว โดยไม่ต้องการให้สถาบันการเงินอันดับ 1 ของสหรัฐฯ ทำหน้าที่ในการออก และเสนอขายพันธบัตรให้กับรัฐบาลอีกต่อไป