คุมเข้มอาชญากรรม ยาเสพติด คดีออนไลน์ การเอารัดเอาเปรียบ ย้ำต้องทำงานเอาปัญหาชุมชนเป็นที่ตั้ง มีตำรวจคอยประสานงานแก้ไข พร้อมกำชับสร้างภาพลักษณ์ที่ดี
เมื่อวันที่ 11 พ.ค.66 : พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อวางมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวและบริหารจัดการนักท่องเที่ยว และบุคคลต่างด้าวทั้งระบบตามนโยบายรัฐบาลร่วมหน่วยงานเกี่ยวข้อง สำหรับจังหวัดภูเก็ตถือเป็นจังหวัดยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศ รัฐบาลได้จัดทำโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” กระตุ้นและฟื้นฟูการท่องเที่ยวในภูเก็ตหลังโควิด ซึ่งได้รับผลการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก นำรายได้เข้าสู่ประเทศจำนวนมาก อย่างไรก็ตามยังมีปัญหาอาชญากรรม การเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว การให้บริการ แท็กซี่ป้ายดำ รวมทั้งปัญหากลุ่มชาวต่างชาติ คนต่างด้าวเข้ามาทำผิดแฝงในคราบนักท่องเที่ยว ที่ต้องดำเนินการ
โดยในช่วงเช้า ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต,นายอานุภาพ รอดขวัญ ยอดระบำ รอง ผวจ.ภูเก็ต พร้อมด้วยตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจท้องที่ และส่วนราชการเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ตม.จ.ภูเก็ต เพื่อนำเสนอภาพรวมการทำงาน และสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ได้สั่งการเน้นย้ำการบูรณาการ ทำงานเป็นเนื้อเดียวกันในทุกภารกิจ ทุกมิติ มีการประสานงานกันต่อเนื่องในการดูแลนักท่องเที่ยวตั้งแต่เข้ามาผ่านสนามบิน การเดินทางสัญจร การท่องเที่ยวในพื้นที่ มีการควบคุมการเข้าออกประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ,ให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจท่องเที่ยว สุ่มตรวจที่พักอาศัย โรงแรมตามมาตรา 38 พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ,ให้ตำรวจร่วมหน่วยงานเกี่ยวข้องควบคุมการให้บริการ ไม่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว อาทิ เช่น รถแท็กซี่ป้ายดำ การเช่าเรือ ที่พักโรงแรมร้านอาหารต่างๆ ร้านขายของที่ระลึก และสั่งการให้ศูนย์ข้อมูลสายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155 เชื่อมต่อกับศูนย์ 191 ของตำรวจพื้นที่ ส่งต่อข้อมูล เพื่อให้บริการ ช่วยเหลือดูแลนักท่องเที่ยวได้อย่างทันท่วงที ทั้งเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนอุบัติเหตุจราจร ส่วนในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ต้องมีมาตรการดูแลเป็นพิเศษ ทั้งการคัดกรอง จุดให้บริการ การติดตั้งกล้อง CCTV ดูแลความปลอดภัย และการ Show of Force เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับนักท่องเที่ยว
พร้อมย้ำข้าราชการตำรวจทุกฝ่าย สร้างภาพลักษณ์ที่ดี ทั้งการแต่งกาย การพูดจา การสวมใส่หมวกนิรภัย หรือปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว ที่สำคัญห้ามมีการเรียกรับสินบน ผลประโยชน์ หรือกระทำการใดๆ ที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวโดยเด็ดขาด
ต่อมาในช่วงบ่าย ผบ.ตร.ได้เดินทางไปประชุมตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต โดยมี พล.ต.ท.วันไชย เอกพรพิชญ์ จตร.ปฏิบัติราชการ ภ.8,รอง ผบช.ภ.8 ทุกท่าน,พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต,ผกก.หัวหน้าสถานี และข้าราชการตำรวจเข้าร่วม ทั้งนี้ ผบ.ตร.ได้กำชับมาตรการดูแลประชาชน และนักท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต เน้นการบูรณาการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกระดับการให้บริการประชาชน มีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ โดยให้ ผกก.หรือหัวหน้าสถานี ลงพื้นที่ และรายงานผลการปฏิบัติในจุดสำคัญ เพื่อแก้ปัญหาด้วยตนเอง
-นโยบายด้านยาเสพติด กำชับโครงการชุมชนยั่งยืนที่ภูเก็ตดำเนินการ 11 หมู่บ้าน มีการตรวจสารเสพติด 19,669 ราย เป็นผู้เสพที่เข้าสู่กระบวนการบำบัด 179 ราย
- อาชญากรรมออนไลน์ เน้นย้ำมิติการป้องกันควบคู่การสืบสวนปราบปราม ทั้งการเตือนภัยรูปแบบต่างๆ พร้อมการแจ้งความออนไลน์ การรับแจ้ง สอบปากคำ หมายเรียกต่างๆ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง ทำเป็น SOP ให้เป็นมาตรฐาน
- ส่วนการเลือกตั้งที่ใกล้จะถึงนี้ ตำรวจต้องวางตัวเป็นกลาง ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต เป็นธรรม อย่างเต็มที่ ป้องกันการซื้อสิทธิ์ขายเสียง พร้อมกับระดมกวาดล้าง ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดรักษาความสงบเรียบร้อย ไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม
- ที่สำคัญต้องเอาปัญหาของประชาชน คนในพื้นที่เป็นที่ตั้ง จัดตำรวจประสานงานระหว่างชุมชน เพื่อรับทราบปัญหา แล้วนำไปสู่การแก้ไข ไม่ให้เกิดบานปลายลุกลาม
ทั้งนี้ ผบ.ตร.กล่าวว่า “ วันนี้ได้เดินทางมาจังหวัดภูเก็ต ซึ่งถือเป็นจังหวัดยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยว เพื่อวางมาตรการดูแลความปลอดภัยประชาชน และนักท่องเที่ยว ของตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจท่องเที่ยว ได้สั่งการเน้นย้ำอยากเห็นภาพการบูรณาการทำงานร่วมกันของตำรวจและหน่วยงานเกี่ยวข้อง ในการดูแลประชาชนและนักท่องเที่ยวทุกมิติ และได้เน้นย้ำสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำงานของตำรวจ คือ การนำปัญหาของสังคม ประชาชนในพื้นที่เป็นที่ตั้ง อยากเห็นการมอบหมายตำรวจไว้คอยประสานงานในหมู่บ้าน ชุมชน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาต่างๆไม่ให้ลุกลาม และเกิดความยั่งยืน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน นักท่องเที่ยวในทุกๆมิติ”
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน