วันที่ 7 พฤษภาคม 66 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ แคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางพร้อมด้วยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค นายอนุชา บูรพชัยศรี รองหัวหน้าพรรค และแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ และตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ จ.ภูเก็ต ประกอบด้วย เขต 1 นายปิยะ สีดอกบวบ เบอร์ 8 ,เขต 2 นางนวลจันทร์ สามารถ เบอร์ 3,เขต 3 ว่าที่ร้อยตรีชาญณรงค์ ประทีป ณ ถลาง เบอร์ 7 ร่วมเดินทางไปสักการะอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร บริเวณวงเวียนสี่แยกท่าเรือ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พร้อมพบปะประชาชนที่เดินทางมารอต้อนรับ ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังลานเวทีกลางสะพานหิน จ.ภูเก็ต ขึ้นปราศรัยท่ามกลางผู้สนับสนุนและประชาชนชาวภูเก็ตที่มารอฟังการปราศรัยส่งเสียงเชียร์นับหมื่นคน
พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเวทีปราศรัยว่า ตนเดินทางมาภูเก็ตหลายครั้งแล้ว หวังว่าทุกคนคงจำหน้าตนได้ ก่อนที่จะแนะนำตัวผู้สมัครของพรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้ง 3 คนได้แก่ เขต 1 นายปิยะ สีดอกบวบ เบอร์ 8 ,เขต 2 นางนวลจันทร์ สามารถ เบอร์ 3,เขต 3 ว่าที่ร้อยตรีชาญณรงค์ ประทีป ณ ถลาง เบอร์ 7 รวมทั้งเบอร์ 22 เบอร์ ‘พรรคลุงตู่’
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ช่วงสถานณ์โควิด จ.ภูเก็ตเคยเงียบเหงา แต่ตนตัดสินใจที่จะเปิด จ.ภูเก็ตเป็นที่แรกเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ทุกคนลืมหน้าอ้าปากได้ และหลังจากนี้จะยังมีการจัดงานเอ็กซ์โปด้วย จึงอยากให้ทุกคนให้โอกาสเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติให้มาทำงานต่อ เพราะที่ผ่านมาเป็นผลงานที่เชื่อว่าทุกคนจำได้ดี และพรรคยังมีนโยบายที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงในทุกเรื่อง
“สิ่งสำคัญนอกจากธรรมชาติที่สวยงามของภูเก็ตแล้ว ยังเป็นรอยยิ้มของคนภูเก็ต ผมเป็นทหารมาก่อน รังเกียจผมหรือไม่ และทหารที่ดูแลบ้านเมืองก็เป็นลูกหลานของทุกคนทั้งสิ้น อย่าให้ใครมาบอกว่าข้าราชการคือช้างป่วย ถ้าทหารและข้าราชการเป็นช้างป่วย ประเทศจะมั่นคงอย่างนี้หรือไม่ ดังนั้นจึงควรยุติเรื่องความแตกแยกภายในประเทศ เพราะเป็นสิ่งที่อันตรายมาก”
พลเอกประยุทธ์ ยกบทกลอน “อันศึกนอกศึกในนั้นไม่ห่วง แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง” ก่อนกล่าวต่อว่า อย่าให้ใครมาทำให้เกิดความแตกแยก โดยเฉพาะการแตกแยกในครอบครัว พ่อทะเลาะกับลูก แม่ทะเลาะกับลูก อย่างนี้ทำไม่ได้ อย่าให้ใครมาปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกนี้
“วันนี้น่าจะเป็นโรคหัวใจโต ตรวจสุขภาพไม่เป็นไร แต่มาภูเก็ตได้หัวใจคนภูเก็ตทำให้หัวใจโต และวันนี้มาเพราะความคิดถึง คิดถึงจังฮู้ แล้วกินอาหารทุกมื้อก็หรอยแรง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่าอยากให้คนไทยทุกคนลองจินตนาการว่า อยากให้ประเทศชาติเป็นไปแบบไหน ถ้าหากอยากให้ประเทศชาติพัฒนาไปข้างหน้าเหมือนกับทุกวันนี้ ต้องเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะพรรคมีนโยบายทุกอย่างที่จะทำให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองต่อไป นโยบายต่างๆ มีจำนวนมากทั้ง บัตรลุงตู่ คนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน นโยบายแก้หนี้ นโยบายสนับสนุนกลุ่มผู้ทำงานต่างๆ การสร้างศูนย์ดูแลด้านสุขภาพให้กับทั้งผู้สูงวัยและผู้เจ็บป่วย สร้างการคมนาคมใหม่ ทั้งท่าเรือ สนามบินใหม่ รถไฟความเร็วสูง เป็นแผนพัฒนาการคมนาคมที่ยั่งยืน บางอย่างทำเสร็จแล้ว บางอย่างยังทำไม่เสร็จ ต่อจากนี้มีแผนไปถึง 69 ล้วนเป็นนโยบายที่พรรครวมไทยสร้างชาติเตรียมไว้ ถ้ามีโอกาสได้ทำงานเป็นรัฐบาลจะสามารถทำต่อได้ทันที ไม่ต้องเริ่มใหม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นโยบายต่างประเทศก็ต้องสร้างสมดุลให้ได้ และตนก็ทำมาตลอด จริงๆ ตนไม่ได้ขออะไรมาก แค่ขอ 1 คนหนึ่งเสียงเท่านั้น อย่ากาเบอร์ผิด อย่าเชื่อใครว่าตนไปอยู่พรรคอื่น พล.อ.ประยุทธ์ อยู่พรรครวมไทยสร้างชาติพรรคเดียวเท่านั้น บางคนออกมาบอกว่าตนแก่แล้ว แต่ผมยังไม่แก่ และให้ผมไปเลี้ยงหลาน แต่เผอิญตนไม่มีหลาน ก็เลยต้องอยู่ต่อ
“ผมมีหัวใจเป็นสีม่วง เปรียบเสมือนหัวใจของคนใกล้ตาย จึงไม่โกหก แต่บางคนใกล้ตาย กลับพูดจาโกหกเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาทุกวัน ดังนั้นจึงขอให้เชื่อว่าตนเป็นคนพูดจริงทำจริง ถ้าอยากได้รัฐบาลที่ทำจริงและมีผลงานชัดเจนต้องเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ”