เดิน สามพัน กิโล ไม่มีคำว่าเหนื่อยไม่มีคำว่าท้อ หัวใจรักประชาชน
สโลแกน คนไทยต้องช่วยกัน สร้างชาติไทย คนลพบุรีต้องดูแลลพบุรี
เมื่อเวลา 10:00 น ในวันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม 2566
นายพิชัย เกียรติวินัยสกุล
ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดลพบุรีเขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ
เปิดเผยตอนหนึ่งว่า
ตนเองมาเสนอนโยบายดีๆให้กับคนลพบุรี
ให้รับข่าวสารรอบด้านและเสนอนโยบายให้คนลพบุรีตัดสินใจได้ง่ายๆขึ้น
บัตรสวัสดิการพลัสให้เงิน 1 พันบาทต่อเดือน ทำต่อโครงการคนละครึ่งภาค 2 เดินหน้าเราเที่ยวด้วยกัน
นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อ ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โดยมีประชาชนได้รับสิทธิถึง 14.6 ล้านคน พรรครวมไทยสร้างชาติจะนำนโยบายนี้มาทำต่อเป็นโครงการบัตรสวัสดิการพลัส โดยโครงการนี้จะจ่ายให้พี่น้องประชาชน 1,000 บาทต่อเดือน ที่สำคัญคือประชาชนสามารถใช้บัตรนี้ไปกู้เงินฉุกเฉินได้อีก 10,000 บาท
ส่วนโครงการคนละครึ่ง ทั้ง 5 เฟส มีประชาชนเข้าร่วมถึง 26 ล้านคน มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจถึง 4 แสนล้านบาท รัฐบาลใช้เงินไป 2 แสนล้านบาท ประชาชนออกประชาชนออกเงินเอง 2 แสนล้านบาท พรรคจะนำมาทำต่อโดยจะทำโครงการคนละครึ่ง ภาค 2 โดยมีแอพเป๋าตังซึ่งเป็นรัฐบาลเดียวที่คิดเรื่องนี้มาก่อน ประชาชน 26 ล้านคน สามารถใช้แอพเป๋าตังได้ และมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการเกือบ 2 ล้านราย
นโยบายลดค่าครองชีพ ประกอบด้วย โครงการแท็กซี่เพื่อสังคม หักลดหย่อนภาษี ค่ารักษาพยาบาล ตนเองและพ่อแม่ สูงสุด 6 หมื่นบาท ออมเงินพร้อมหักลดหย่อนภาษีด้วยกองทุน LTF
นโยบายลดฝุ่น PM.2.5 ด้วยการตั้งศูนย์บัญชาการแก้ปัญหาแบบ Single Command รวม PM.2.5 เพิ่มรถเมล์ไฟฟ้า รถอีวี ใช่พลังงานสะอาด 50%
นโยบายโคเงินล้าน-โคล้านครอบครัว ให้กู้เงินซื้อโคมาเลี้ยงแบบปลอดดอกเบี้ยทำให้คนไทยหลุดพ้นจากความยากจนแบบไม่ขายฝัน ซึ่งนโยบายนี้ จะทำให้คนไทยหลุดพ้นจากความยากจน และสามารถเป็นคนรวยได้โดยวิธีง่าย ๆ จากการเลี้ยงโค โดยให้กู้เงินจากกองทุนหมู่บ้านวงเงิน 50,000 บาท นำมาซื้อโคเพศเมีย 2 ตัวไปเลี้ยง
ในปีแรกจะมีโค 4 ตัว ปีที่ 2 กลายเป็นโค 6 ตัว ปีที่ 3 จะกลายเป็นโค 10 ตัว นี่คือโครงการที่จะทำให้ประชาชนจับเงินแสนได้ด้วยวิธีง่าย ๆ แต่ถ้าอยากจับเงินล้าน เลี้ยงโคไปถึง 6 ปี จะมีโคทั้งสิ้น 42 ตัว จะเป็นเงิน 1,050,000 บาท นี่คือโครงการโคเงินล้านที่ทำได้จริง โครงการนี้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อนุมัติ วงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยรัฐอุดหนุนดอกเบี้ยทั้งหมด 4 ปี เป็นเงิน 600 ล้านบาท ให้กองทุนหมู่บ้านนำร่องโครงการนี้ 100,000 ครอบครัว โดยโครงการนี้ ได้ทำแล้ว ลองแล้ว และสำเร็จแล้ว โดยให้ประชาชนยืมเงินกองทุนหมู่บ้านไปซื้อโค 1,000 ครอบครัว สำเร็จทั้ง 1,000 ครอบครัว
พิชัย เปิดเผยอีกว่า
มาจากนโยบาย “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ในส่วนของการ ทำแล้ว คือ การลงทุนในด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน 3 ล้านล้านบาท ซึ่งทำให้ประเทศไทยมีการคมนาคม ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ ที่สมบูรณ์สามารถลดค่าขนส่งสินค้าภายในประเทศ และที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ ได้เป็นอย่างดีมาก ในส่วนของที่ทำแล้วยังมีเรื่องของโครงสร้างดิจิทัลที่สมบูรณ์ ที่ได้ช่วยเยียวยาประชาชนผ่านแอพเป๋าตัง และโครงการคนละครึ่ง ซึ่งไปถึงประชากรมากกว่า 45 ล้านคนที่ได้ประโยชน์
นอกจากนี้ ยังมีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นดิจิทัล หรือระบบกายภาพที่สมบูรณ์ที่รัฐบาลได้ไปปักธงที่ต่างประเทศว่า ประเทศไทยจะลดคาร์บอนให้เหลือ 0% ภายในปี 2050 และไทยจะเป็นประเทศที่ไม่มีคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้ประเทศไทยเป็นฐานของอุตสาหกรรมใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด มีการปรับเลี่ยนมาใช้รถ EV ซึ่งรายได้ของประเทศไทยเรา ณ วันนี้ที่ได้จากอุตสาหกรรมรถยนต์ประมาณ 15% ก็จะรักษาไว้ได้แล้วแถมจะต่อยอดออกไปอีก
สำหรับธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นอีก 15% ของผลผลิตมวลรวมประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องของไมโครชิพ เรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมใหม่ที่จะหารายได้เข้าประเทศ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะมาจากเศรษฐกิจในประเทศที่เราขับเคลื่อนอยู่ ซึ่งก็คือเศรษฐกิจ BCG ( เศรษฐกิจทฤษฎีใหม่ที่ผสมผสานการพัฒนา 3 ด้านหลัก คือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว) โดยจะขยายแนวคิดของ BCG ให้เป็นอุตสาหกรรมใหม่ของประเทศ นอกจากนี้จะต่อยอดไอเดียของ EEC คือระเบียงเศรษฐกิจ 4 ภาค ประกอบด้วย ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ซึ่งจะทำให้ครอบคลุมทั้งประเทศ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางประตู่สู่อาเซียนและจีนตอนใต้
ในส่วนของการท่องเที่ยว ได้ออกวีซ่าระยะยาว 10 ปี เพื่อเชื้อเชิญชาวต่างชาติที่มีศักยภาพให้มาลงทุน ให้มากินอยู่ และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับคนไทย ส่วนนี้ก็จะเป็นเม็ดเงินใหม่ที่จะเอาเข้ามาในประเทศ ซึ่งการท่องเที่ยวระยะยาวประเทศไทยเราพร้อมมากกับการสร้างรายได้ให้ประเทศชาติเพิ่มเติม และเป็นการเพิ่มองค์ความรู้ให้กับคนไทย เพิ่มโอกาสของประเทศในการค้าขาย และก็เพิ่มโอกาสของประเทศในการเข้าสู้เวทีโลกอีกด้วย
ทั้งนี้การเพิ่มรายได้ให้ประเทศปีละ 4 ล้านล้านบาท จะทำให้เศรษฐกิจโตปีละ 5% รายได้ต่อคนเพิ่มขึ้นปีละ 20,0000 บาท สามารถสร้างงานเพิ่มได้ 6.25 แสนตำแหน่ง
– นโยบายแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน แช่แข็งหนี้สูงสุด 3 ปี แก้กฎหมายเครดิตบูโรให้ความเป็นธรรมแก่ลูกหนี้ และตั้งกองทุนฉุกเฉินประชาชน 3 หมื่นล้าน
หนี้ครัวเรือนเป็นปัญหาที่สะสมมานาน นโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติเราจะให้ความสำคัญกับเรื่องหนี้ ประกอบด้วย แช่แข็งหนี้สูงสุด 3 ปีตามเงื่อนไขโครงการ แก้กฎหมายเครดิตบูโรให้ความเป็นธรรมแก่ลูกหนี้ แก้หนี้นอกระบบและมีที่พึ่งยามยากด้วยกองทุนฉุกเฉินประชาชน 3 หมื่นล้านเพื่อปลดพันธนาการเงินนอกระบบ สมาชิกสหกรณ์สามารถใช้หุ้นสหกรณ์ชำระหนี้สหกรณ์ได้และใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ข้ามเขตสหกรณ์ได้ แก้หนี้โควิดจบใน 12 เดือน แก้หนี้กยศ. แก้หนี้กองทุนหมู่บ้าน และหนี้ภาครัฐด้วยงาน
เรื่องของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ผู้ที่เป็นหนี้และผู้ค้ำประกัน กยศ. ปัจจุบัน 6,800,000 ราย ได้รับการแก้ไขกลับสู่สภาพปกติแล้ว
พ.ร.บ.ทวงหนี้ ปัจจุบันได้กำหนดเพดานในหลักพันบาท ไม่ว่าเรื่องสินเชื่อเช่าซื้อที่มีประชาชนเป็นลูกหนี้กว่า 20 ล้านราย จะมีธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง เป็นผู้กำกับดูแล ส่วนสหกรณ์ออมทรัพย์ของข้าราชการครู หรือข้าราชการอื่นๆ ดอกเบี้ยจะลดลงเพื่อให้พวกเขาเหล่านี้มีเงินเหลือไม่ต่ำกว่า 30 % ส่วนหนี้สินที่เกิดจากกรณีโควิด-19 ซึ่งไม่ได้เกิดจากความผิดของประชาชน แต่เกิดจากเหตุการณ์โรคระบาดส่วนนี้จะแก้ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี โดยผู้กู้กว่า 3,000,000 รายก็จะได้รับการดูแล
นอกจากนี้ จะมีการแก้ไขกฏหมายเพื่อให้ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม หรือ กบข. สามารถนำเงินสมทบ 30% ออกมาใช้ได้ก่อนเพื่อลดภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงๆ และเพื่อใช้ในยามจำเป็นและฉุกเฉิน รวมถึงการรื้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทำกิน เช่น แก้กฎหมายได้ที่ทำกินโดยไม่ถูกไล่ที่ไม่ถูกฟ้อง และ พ.ร.บ.ความสะดวกลดขั้นตอนทางกฎหมาย 1,100 ขั้นตอน
นโยบายช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ให้ทุนช่วยนักเรียนยากจนได้เรียนหนังสือจนจบมัธยม ช่วยผู้สูงอายุคนพิการมีที่อาศัย ในส่วนนี้ ได้เน้นในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะเรื่องของเด็กที่มีมากถึง 50% ที่เริ่มต้นเรียน ป. 1 แต่ไม่สามารถจบการศึกษาระดับมัธยมปลายได้เพราะยากจน รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ทุนตั้งแต่ปี 2563 – 2566 เป็นเงิน 28,000 ล้านบาท ทำให้เด็กที่ไม่สามารถเรียนต่อจำนวน 3,000,000 คน สามารถมีเงินไปเรียนหนังสือจนจบชั้นมัธยมปลายได้นอกจากนี้ ยังมีนโยบายในการสร้างเด็กไทย ด้วยโครงการ “อยากเรียนอะไรต้องได้เรียน” และมอบทุนการศึกษาอาชีวะ 100 ทุน ต่อ 1 อำเภอ (เขต) รวมถึงโครงการ “เรียนจบมีงานทำ”
นอกจากนี้ ได้ดูแล ผู้สูงอายุ คนพิการ ที่มีที่พักอาศัยไม่เหมาะสม ก็ได้ไปซ่อมแซมให้มีความเหมาะสม 180,000 ครอบครัว และยังทำต่อเนื่องทุก ๆ ปี พร้อมยังได้หาที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อย ทั้งในเมืองและต่างจังหวัด โครงการบ้านเช่า เดือนละ 999 บาท ครอบคลุม 13,000 ครอบครัว และขณะนี้มีโครงการที่อยู่ในขั้นตอนก่อสร้างและในอนาคตจะทำให้ครบ 100,000 หลัง ในส่วนของแม่และเด็กอ่อนได้ดูแลเด็กแรกเกิดให้ได้รับการช่วยเหลือค่านมเดือนละ 600 บาท เพื่อให้เด็กอ่อนมีการพัฒนาการที่เหมาะสม
สำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัย จะต่อยอดโครงการ “บ้านสุขประชา” เพื่อให้ประชาชนมีบ้านและมีงานทำ มีโครงการสินเชื่อบ้านล้านหลังสำหรับผู้มีรายได้น้อย เฟส 3 ทำโครงการบ้านมั่นคง ริมคลองเปรมประชากร และฟื้นฟูแฟลตดินแดง เฟส 2
ในส่วนของปัญหาสังคมได้จัดให้มีศูนย์ช่วยเหลือประจำตำบลและชุมชนทั่วประเทศกว่า 7,000 ศูนย์ ด้วยการบูรณการทุกกระทรวงในรูปแบบของแอปพลิเคชั่นแจ้งเหตุ เมื่อมีเหตุสามารถปักหมุดหยุดเหตุ เริ่มดำเนินการไปเมื่อ 1 เมษายน 2566 และจะขยายไปทั่วประเทศ ซึ่งในส่วนนี้สถานีตำรวจ 1,483 แห่ง ร่วมกับศูนย์ชุมชนอีก 7,000 แห่ง ดูแลบริหารกันเองไม่ได้ใช้งบประมาณแม่แต่บาทเดียว ศูนย์นี้เป็นศูนย์ที่ช่วยลดความรุนแรงในครอบครัว และแก้ปัญหายาเสพติดในชุมชน โดยรัฐบาลได้เข้าไปช่วยสนับสนุนส่งเสริม เพื่อให้เกิดความสงบ และเกิดความเท่าเทียมกันในครอบครัว
นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมง โครงการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรีเพื่อลดราคาน้ำมัน โครงการลดต้นทุนเกษตรกร ช่วยค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 2,000 บาทไม่เกิน 5 ไร่ โครงการปุ๋ย ไฟฟ้า น้ำมันราคาถูกสำหรับเกษตรกร แก้กฎหมายประมง ดูแลประมงพื้นบ้าน ปรับการทำงานหน่วยงานของรัฐให้เกิดความเป็นธรรม
บัตรสวัสดิการพลัสให้เงิน 1 พันบาทต่อเดือน ทำต่อโครงการคนละครึ่งภาค 2 เดินหน้าเราเที่ยวด้วยกัน
นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อ ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โดยมีประชาชนได้รับสิทธิถึง 14.6 ล้านคน พรรครวมไทยสร้างชาติจะนำนโยบายนี้มาทำต่อเป็นโครงการบัตรสวัสดิการพลัส โดยโครงการนี้จะจ่ายให้พี่น้องประชาชน 1,000 บาทต่อเดือน ที่สำคัญคือประชาชนสามารถใช้บัตรนี้ไปกู้เงินฉุกเฉินได้อีก 10,000 บาท
ส่วนโครงการคนละครึ่ง ทั้ง 5 เฟส มีประชาชนเข้าร่วมถึง 26 ล้านคน มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจถึง 4 แสนล้านบาท รัฐบาลใช้เงินไป 2 แสนล้านบาท ประชาชนออกประชาชนออกเงินเอง 2 แสนล้านบาท พรรคจะนำมาทำต่อโดยจะทำโครงการคนละครึ่ง ภาค 2 โดยมีแอพเป๋าตังซึ่งเป็นรัฐบาลเดียวที่คิดเรื่องนี้มาก่อน ประชาชน 26 ล้านคน สามารถใช้แอพเป๋าตังได้ และมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการเกือบ 2 ล้านราย
นโยบายลดค่าครองชีพ ประกอบด้วย โครงการแท็กซี่เพื่อสังคม หักลดหย่อนภาษี ค่ารักษาพยาบาล ตนเองและพ่อแม่ สูงสุด 6 หมื่นบาท ออมเงินพร้อมหักลดหย่อนภาษีด้วยกองทุน LTF
ให้คนลพบุรีเชื่อมั่นว่าทางพรรครวมไทยสร้างชาติ ทำได้จริงจะทำต่อ เชื่อมั่นพรรค และเชื่อมั่นผม ผมจะพาท่านพ้นวิกฤตได้อย่างแน่นอนเชื่อมั่นผมเชื่อมั่นทีมงานท่านจะไม่ผิดหวัง เข้าคูหากาเบอร์พรรครวมไทยสร้างชาติ เบอร์ 22 กาเบอร์ 9 พิชัย ท่านจะไม่ผิดหวัง
สัญญาจะไม่ทิ้งพื้นที่เลือกตัวผมเข้าสู่สะพานนะครับ
นันท์นภัส วงศ์ใหญ่
ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวภาคกลางหนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ