Benjamin Disraeli อดีตนายกรัฐมนตรีสองสมัยแห่งสหราชอาณาจักรเคยกล่าวไว้ว่า “Man is only truly great when he acts from his passions”
เพราะพลังที่ขับเคลื่อนจากภายในย่อมแสดงถึงความสุขออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรม การประกอบกิจการบนพื้นฐานของความรักก็สามารถผลักดันให้เกิดความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน แต่หากตัวเลขในบัญชีมีอิทธิพลชนิดที่สลัดไม่หลุดจนคุณไม่สามารถคิดถึงเรื่องอื่นได้ ลองวิธีง่ายๆ ข้างล่างนี้ดู
• ย้อนวัย เขียนคำว่า New Business ไว้ตรงกึ่งกลางของแผ่นกระดาษขนาดใหญ่ แล้ววาดทุกสิ่งที่ชอบในวัยเด็กลงไป ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมในโรงเรียน ดนตรี กีฬา หนังสือการ์ตูน อาหารการกิน ฯลฯ โดยการกระทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณเห็นความต้องการเบื้องลึกอันแท้จริงก่อนที่จะถูกความรู้จากการศึกษาในรั้วโรงเรียน และมหาวิทยาลัย รวมถึงประสบการณ์จากการทำงานเข้าครอบงำ เมื่อความสุขที่หวนระลึกได้มาอยู่พร้อมเพรียงกันจนเต็มหน้ากระดาษแล้ว ให้คุณค่อยๆ จัดหมวดหมู่และหาความเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ เหล่านั้นเข้ากับโปรเจ็คท์ทางธุรกิจใหม่ของคุณดู
• ไร้สาระ หรือพูดอย่างเป็นทางการว่า ‘สร้างระยะห่างทางจิตวิทยา’ เพื่อทลายกรอบที่อาจจำกัดความคิดสร้างสรรค์ไว้โดยที่คุณเองก็ไม่รู้ตัว ซึ่งการสัมผัสกับประสบการณ์ ‘แปลก’ และ ‘ใหม่’ เช่น เดินทางไปในที่ที่ไม่คุ้นเคย ฟังเพลง หรือดูหนังแนวอื่นบ้าง ฯลฯ เหล่านี้ล้วนช่วยกระตุ้นให้คุณมีความยืดหยุ่นด้านความคิด รวมถึงไม่ยึดติดกับความรู้และความสนใจแบบเดิมๆ
• ขยับแข้งขา การออกกำลังกายช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมอง กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ร่างกายหลั่งสารเอ็นดรอฟิน ทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง โล่ง สบายใจ และมีความสุข เอื้อต่อการพัฒนาความคิดเชิงสร้างสรรค์ และในทางตรงข้ามกันขณะที่ภาวะจิตใจไม่สมดุล มีเรื่องให้กังวลหรือเสียใจ ความคิดสร้างสรรค์ก็สามารถเกิดขึ้นได้ด้วย แต่ผลลัพธ์จะแตกต่างกันในแง่ของผลงานที่แสดงออก อาทิ ศิลปินแต่งเพลง หรือวาดภาพในยามที่รู้สึกเศร้า เป็นต้น พูดง่ายๆ คือ การระบายความอัดอั้นตันใจในเชิงสร้างสรรค์นั่นเอง
• จินตนาการ ปล่อยใจให้คิดนอกกรอบไปเรื่อยเปื่อยในแบบที่คนสมัยนี้ให้คำจำกัดความว่า’ฝันกลางวัน’ ‘คิดเกิน’ ‘คิดเยอะ’ ‘คิดล้ำ’ โดยที่ยังไม่ต้องสนใจความเป็นไปได้ในชีวิตจริงก่อน แล้วค่อยนำมาประยุกต์ใช้ทีหลัง และในที่นี้ยังหมายความรวมถึงเมื่อมีปัญหาด้านใดด้านหนึ่ง หรือมีโปรเจ็คท์จะทำอะไรใหม่ๆ ลองสวมหมวกของคนอื่นจินตนาการบริบทต่างๆ ดูบ้างเพื่อที่จะได้เห็นมุมมองที่แตกต่างออกไปด้วย
• ทีมงานหลากหลาย การมีหลายหัวคิดนั้นเป็นเรื่องดี แต่หากคนที่อยู่ในทีมมีช่วงอายุ ความสนใจ ประสบการณ์ ฯลฯ ใกล้เคียงกัน ความคิดสร้างสรรค์จะจำกัดอยู่ในวงแคบ และไร้ซึ่งสีสัน เนื่องจากต่างคนต่างไม่มีข้อโต้แย้งซึ่งกันและกันอย่างจริงจังเพื่อให้ยอมรับมุมมองใหม่ๆ ในแบบที่อีกฝ่ายไม่เคยรู้มาก่อน โดยในหัวข้อนี้มีผลวิจัยชี้ชัดว่าหากคิดหลายคนแต่แทบไม่มีความแตกต่างกันเลย สู้คิดคนเดียวเสียยังจะดีกว่า
• อย่าจำกัดเวลาจนเกินไป หลายคนเชื่อว่าความคิดสร้างสรรค์เป็นเรื่องของ ‘พรสวรรค์’ แต่คำกล่าวของ Joy Paul Guilford นักจิตวิทยาชาวอเมริกันที่ว่า “ความคิดสร้างสรรค์เป็นความสามารถทางสมองในการคิดหลายทิศทาง ซึ่งมีองค์ประกอบด้านความคล่องแคล่ว และความยืดหยุ่นในการคิด รวมถึงความสามารถในการแต่งเติมและให้คำอธิบายใหม่ที่เป็นการติดตามหลักเหตุผลเพื่อหาคำตอบ” นั้น แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติอันพัฒนาได้ เพียงแต่ต้องอาศัยเวลา และชั่วโมงบินเท่านั้นเอง