ซีบีเอส อีฟนิ่ง นิวส์ สื่อชื่อดังจากสหรัฐฯ รายงานว่า วอลเตอร์ เชาบ์ ผู้อำนวยการสำนักงานจริยธรรมรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ โอจีอี ตำหนิ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กรณีการโอนอำนาจบริหารงานธุรกิจทั้งหมดในเครือ ทรัมป์ ออร์แกไนเซชั่น ให้กับ โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ กับ อีริค ทรัมป์ บุตรชายทั้ง 2 เนื่องจาก ทรัมป์ ยังมีชื่อเป็นเจ้าของในกิจการดังกล่าว แม้เจ้าตัวเตรียมจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งถือว่าขัดต่อกฏหมายของสหรัฐฯ เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน โดยจะส่งผลต่อตัวเขาเองในอนาคต และภาพรวมเสถียรภาพของรัฐบาล
เชาบ์ ที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ โอจีอี มาตั้งแต่ปี 2556 เปิดเผยว่า ทรัมป์ ควรถอนชื่อของตัวเองออกจากบริษัทในเครือทั้งหมด รวมถึง การจัดตั้งกองทุนรักษาหุ้น (Blind Trust) ซึ่งควรจะเป็นบุคคลอิสระจากภายนอกเข้ามาบริหาร เพื่อหลีกเลี่ยงอิทธิพล และการเมือง ภายในองค์กร โดยการมอบอำนาจให้กับบุตรชายทั้งสองคน ไม่เข้าข่ายตามแนวทางปฏิบัติของกองทุนรักษาหุ้น
ทั้งนี้ ทรัมป์ เตรียมจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 20 มกราคมนี้ กล่าวว่า ไม่มีกฏหมายข้อใดระบุว่า ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ต้องถอนตัวออกจากธุรกิจ โดยเจ้าตัวยืนยันว่า เขาสามารถบริหารประเทศ ควบคู่กับ ทรัมป์ ออร์แกไนเซชั่น ได้อย่างไม่มีปัญหา ขณะที่ เชอรี่ ดิลลอน ที่ปรึกษาส่วนตัว ทรัมป์ เผยว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ ทรัมป์ ยังอยู่ในตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ทรัมป์ ออร์แกไนเซชั่น จะระงับการลงทุนเพิ่มในต่างประเทศ โดยจะหันมาเน้นโครงการพัฒนาภายในประเทศแทน