ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริต โดยสืบนครบาลได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากคู่สามีภรรยาผู้เสียหายว่าถูกเสี่ยแป๋ม ต้อม หรือหนึ่ง และอีกหลายชื่อ ลักทรัพย์สินเงินทองเป็นค่าสินสอดไว้ โดยคนร้ายมาตีสนิทกับพี่สาวของผู้เสียหาย มีการหลอกลวงให้เชื่อว่าเป็นเจ้าของอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง มีฐานะดี และ หวังอยู่กินแบบสามี-ภรรยา กับพี่สาวผู้เสียหาย โดยก่อนวันแต่งงานเหตุ 1 วัน ได้ลักทรัพย์สินที่เตรียมไว้เป็นสินสอด ซึ่งเก็บอยู่ในห้องดังกล่าว เป็นทองคำหนัก 14 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง 2 องค์ และ มีเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง สร้างความเดือดร้อนให้คู่บ่าวสาว และเป็นที่ต้องการตัวมากเพราะสร้างความเดือนร้อนไปทั่ว พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส. บช.น. จัดทีมสืบสวน บก สส บช น แกะรอย ไล่ล่าคนร้ายให้ได้โดยเร็ว
เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2566 เวลาประมาณ 22.00 น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส. บช.น.,พ.ต.อ.ไกรวิทย์ อุณหก้องไตรภพ รอง ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุข ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท ณัฐวุฒิ สีเสมอ,พ.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง รองผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.กิติพัฒน์ ใจอารีรอบ,พ.ต.ต.สมพร คำเกตุ สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น . พร้อมกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ทำการจับกุมตัว
นายปิยะศักดิ์ เรืองฤทธิ์ อายุ 45 ปี อยู่ที่ บ้านเลขที่ 74 ซ.เอกชัย 81 แขวงคลองบางบอน เขตบางบอน จ.กรุงเทพฯ โดยกล่าวหาว่า “ลักทรัพย์ในเคหสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคล หรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ” ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.1400/2563 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 จับกุมได้ที่บริเวณ ห้องพักเลขที่ 317 โรงแรม 39 อินน์ 26/5 ม.4 ซอยสุขสวัสดิ์ 39 ถนนสุขสวัสดิ์ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหารายนี้มีหมายจับอีกจำนวน 2 หมายจับ(รวมจับกุม 3 หมายจับ) ดังนี้
-หมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 90/2566 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2566 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถาน”
-หมายจับศาลแขวงชลบุรี ที่ 41/2563 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2563 ข้อหา “ยักยอก”
พฤติการณ์ในคดีที่ สน.พหลโยธิน กล่าวคือ ก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหารายนี้ รู้ว่าผู้เสียหายกำลังจะแต่งงาน ได้มีการเตรียมทรัพย์สินเงินทองเป็นค่าสินสอดไว้ จึงได้เข้ามาตีสนิทกับพี่สาวของผู้เสียหาย มีการหลอกลวงให้เชื่อว่าเป็นเจ้าของอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง มีฐานะดี และ หวังอยู่กินแบบสามี-ภรรยา กับพี่สาวผู้เสียหาย โดยก่อนวันก่อเหตุ 1 วัน ได้ขอเข้ามาดูห้องของผู้เสียหาย เพราะอ้างว่าจะย้ายมาอยู่กินกับพี่สาวผู้เสียหายที่อพาร์ทเมนท์เดียวกัน ต่อมาในวันที่เกิดเหตุได้เข้ามาขอยืมรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย ที่มีกุญแจคีย์การ์ดเข้าห้องของผู้เสียหาย จากนั้นได้เข้าไปลักทรัพย์สินที่เตรียมไว้เป็นสินสอด ซึ่งเก็บอยู่ในห้องดังกล่าว เป็นทองคำหนัก 14 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง 2 องค์ และ มีเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง จากนั้นได้หลบหนีไป ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ได้ถูกประกาศแจ้งเตือนในสื่อสังคมออนไลน์จากหลายช่องทางให้ระมัดระวัง เนื่องจากได้ก่อเหตุในลักษณะนี้อยู่หลายครั้ง โดยเมื่อปี 2563 ผู้ต้องหาได้ไปตีสนิทหลอกผู้เสียหายรายหนึ่งซึ่งเป็นหญิงให้ลงทุนซื้อขายทอง มีการโอนเงิน ไปยังบัญชีผู้ก่อเหตุ รวมเป็นเงินเกือบ 8 ล้านบาท จากนั้นได้หลบหนีไป ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งผู้เสียหายได้แจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว และ จากการตรวจสอบในระบบ พบว่า ผู้ต้องหารายนี้ มีหมายจับอีกจำนวน 2 หมาย คือ หมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่90/2566 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2566 ข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถาน และ หมายจับของศาลแขวงชลบุรี ที่41/2563 ลงวันที่16 มีนาคม 2563 ข้อหา “ยักยอก” ซึ่งได้ประสานงาน และ แจ้งให้อายัดตัวผู้ต้องหารายนี้ สืบนครบาลสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณ ห้องพักเลขที่ 317 โรงแรม 39 อินน์ 26/5 ม.4 ซอยสุขสวัสดิ์ 39 ถนนสุขสวัสดิ์ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ขณะกำลังหลอกหญิงสาวอีกราย
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยรับว่าลักทรัพย์สินสอดคู่บ่าวสาวผู้เสียหายมาจริง แต่ได้คืนเป็นบางส่วนแล้ว จึงนำตัวผู้ต้องหานำส่ง พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “อยากขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชน ใช้ความระมัดระวังไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ที่ก่อเหตุโดยการใช้อุบายหลอกลวง สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ หลอกเป็นคนมีฐานะดี ชอบโชว์รูป สร้างโปร์ไฟล์เศรษฐีในโลกโซเชี่ยล แล้วก่อเหตุลักทรัพย์ หรือ ชักชวนให้ลงทุนเอาเงินทองไป ซึ่งครอบครัวหรือญาติพี่น้องอาจมีโอกาสตกเป็นเหยื่อได้ หากประชาชนท่านใด ได้รับความเดือดร้อนจากมิจฉาชีพในลักษณะเดียวกัน สามารถขอความช่วยเหลือมายัง สืบนครบาล เพื่อที่จะดำเนินการติดตามจับกุมคนร้ายมาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ให้ได้โดยเร็วต่อไป เราจะไม่ปล่อยภัยร้ายสังคมไว้”
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน