กองทัพเรือ ส่งเรือผลักดันน้ำ อีก 50 ลำ ลงใต้ ไปช่วย สุราษร์ธานี 30 ลำ และ เพิ่มให้ นครฯ20ลำ พร้อมเสบียงอาหาร ถุงยังชีพ
กองทัพเรือ ปล่อยขบวนเรือผลักดันน้ำ 17 ลำ พร้อมเสบียงอาหาร ถุงยังชีพ เพื่อไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดย บิ๊กจ้ำ พลเรือโท สุธีพงศ์ แก้วทับ รองเสธ.ทร,โดยเรือผลักดันน้ำจำนวน 17 ลำ นี้ เป็นของกรุงเทพมหานคร 10 ลำ และของกองทัพเรือ 7 ลำ จากอู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ อ.พระสมุทรเจดีย์ สมุทรปราการ และ วันนี้ 12 มกราคม 2560 ลำเลียงเรือผลักดันน้ำ จากอู่ทหารเรือป้อมพระจุลจอมเกล้า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ ไปช่วยผู้ประสบอุทกภัยใน จังหวัดนครศรีธรรมราชอีก 33 ลำโดยเรือผลักดัน 17 ลำ จะวางที่แม่น้ำตาปี แม่น้ำพุนพิน จังหวัดสุราษฎ์ธานี ติดตั้งที่สะพานจุลจอมเกล้า และสะพานพุนพิน อำเภอพุนพิน ส่วนอีก 33 ลำ จะนำไปเพิ่มเติม ที่สุราษฎ์ธานีอีก 13 ลำ และ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช 20 ลำ
สรุปรวมจำนวนเรือผลักดันน้ำที่วางในจังหวัดสุราษฎ์ธานี มีจำนวน 30 ลำ และในจังหวัดนครศรีธรรมราชจำนวน 70 ลำ (โดยวางตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.60 ในอำเภอปากพนัง 20 ลำ อำเภอชะอวด 30 ลำ และเพิ่มเติมอีก 20 ลำ) รวม 110 ลำเรือผลักดันน้ำสามารถผลักดันนพ ต่อเครื่องได้ 24.2 ลูกบาศก์เมตร/นาที จะสามารถดึงน้ำรอบๆตัวไปได้อีก 1:3 หรือประมาณ 72.7 ลูกบาศก์เมตร/นาที หรือ 104,660 ลูกบาศก์เมตร/วัน
และสามารถนำมาสูบน้ำได้ 24.2 ลูกบาศก์เมตร/นาที
เป็นประโยชน์ต่อการระบายน้ำเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการระบายน้ำออกสู่ทะเลได้ครั้งละปริมาณมาก อีกทั้งยังสามารถชะล้างไล่ดินเลนที่ตกตะกอนอยู่ก้นแอ่งให้หมดไป ทำให้น้ำไหลได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่เป็นแอ่ง เป็นบึงและคอขวด เนื่องจากเป็นที่ลุ่มระบายน้ำออกได้ลำบากและไหลได้ไม่เร็ว เป็นไปตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงพระราชทานเพื่อเป็นแนวทางในการบรรเทาปัญหาที่เกิดจากอุทกภัย