เมื่อเวลา 22.30น. วันที่ 11 มกราคม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้นำตัว นายภูมิทัศน์ หรืออุ้ม พิบูรณ์สวัสดิ์ อายุ 24 ปี และ น.ส.กรรณิกา หรือดาว กรุมรัมย์ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับอุ้มฆ่า น.ส.สุภัคสรณ์ พลไธสง อายุ 28 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่วันที่ 13 ธันวาคม ที่ผ่านมา ส่งตัวให้แก่ พ.ต.อ.ธนะสิทธิ์ ปานศรี ผกก.สน.หนองค้างพลู โดยทางเจ้าหน้าที่ได้นำทั้งคู่เข้าสู่ขบวนการแจ้งข้อกล่าวตามหมายจับ ก่อนจะนำตัวเข้าห้องควบคุมทันที
พ.ต.อ.ธนะสิทธิ์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาตามหมายจับและควบคุมตัวเข้าห้องขังทันที ซึ่งในวันพรุ่งนี้(12 ม.ค.)จะทำการสอบสวนนายภูมิทัศน์ และน.ส.กรรณิกา ในขณะเดียวกันจะนำตัวพ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ ผกก.สภ.บ้านโป่ง ผู้จ้างวาน และ นายนิวัฒน์ หรือโจ๊ก สวยทอง ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดตลิ่งชันในช่วงเที่ยง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายภูมิทัศน์ เป็นหนึ่งในชุดอุ้มน.ส.สุภัคสรณ์ โดยได้ค้าจ้าง 3,000 บาท ส่วน น.ส.กรรณิกา ซึ่งเป็นนักร้องสาวที่ พ.ต.อ.อำนวย ชอบพออยู่นั้นโกรธแค้นที่ผู้ตายปันใจและเอาเงินของตนไปให้สาวอื่น
ต่อมาเวลา 23.30 น. วันเดียวกัน ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ นายบุญชู พลไธสง อายุ 49 ปี พร้อม นางสมพิศ ตรัยจันทร์แดง อายุ 46 ปี บิดาและมารดา รวมทั้งนางสมคิด พลข่า อายุ 46 ปี น้าสาว และญาติสนิทร่วมกันเดินทางมารอรับศพ น.ส.สุภัคสรณ์ หรือหญิง พลไธสง อายุ 28 ปี ภายหลังทราบข่าวจากทางเจ้าหน้าที่ว่าเจอศพถูกฝังดินอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี โดยนางสมพิศ อยู่ในอาการโศกเศร้าร้องไห้ตลอดเวลาจนถึงขั้นเป็นลมล้มฟุบ ทั้งนี้ทางญาติต้องนำยาดมมาป้ายจมูก พร้อมทั้งช่วยกันบีบนวดท่ามกลางบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
น.ส.สมคิด กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยญาติได้เดินทางไปให้สื่อสัมภาษณ์ตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายจนกระทั่งช่วงหัวค่ำ โดยได้ทราบข่าวจากทางเจ้าหน้าที่ว่าพบศพเพศหญิงถูกฝังดินอยู่ที่จ.กาญจนบุรี พร้อมทั้งนำภาพถ่ายมาให้ดู เมื่อเห็นรอยสักที่แขน หลัง และนิ้วมือ จึงเชื่อมั่นได้ว่าเป็นน้องหญิง หลังจากนั้นได้พากันเดินทางไปจ.กาญจนบุรี เพื่อไปดูศพแต่เมื่อเดินทางได้เพียงครึ่งทางก็ได้รับการติดต่อมาจากทางเจ้าหน้าที่อีกครั้ง ว่าให้มารอรับศพที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ก่อนพาครอบครัวมากันภายในสถานที่ดังกล่าว
ด้านนายบุญชู กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ตนเสียใจมากไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัว ถ้าตนทำแบบนี้กับครอบครัวคนร้ายบ้างจะรู้สึกอย่างไร ขอให้คนที่ทำนั้นได้รับกรรมเหมือนกับที่ทำต่อบุตรตน นอกจากนี้ก่อนเกิดเหตุบุตรสาวเคยเล่าให้ฟังว่าเคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับฝ่ายหญิงจนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างที่นายบุญชู กำลังให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนนั้น นางสมพิศ เกิดมีอาการชักเกร็งก่อนจะโวยวายเสียงดัง ซึ่งจับใจความได้ว่า “ใครทำกู ฆ่ากูทำไม หญิงไปทำอะไรให้มัน อยากฝากสื่อให้ช่วยเสนอข่าวจับคนร้ายมาให้ได้ทุกคน” ซึ่งทางญาติต้องจุดธูป 1 ดอก พร้อมทั้งพูดปลอบใจ และนำพระมาแขวนคอนางสมพิศ จนอาการดีขึ้นกลับมาเป็นปกติ นอกจากนี้นายบุญชูยืนยันว่า เป็นวิญญาณของน้องหญิงที่เข้ามาสิงร่างมารดาจริง เนื่องจากเป็นคนพูดจาเสียงดังซึ่งต่างจากนางสมพิศ โดยก่อนหน้านี้นางสมพิศอยู่ในอาการโศกเศร้าร้องไห้อยู่ตลอดเวลาสลับกับมีอาการสลบเป็นระยะๆ จึงไม่ค่อยมีเสียงที่จะพูดดังได้ถึงขนาดนี้