เมื่อเวลา 23.00 น. วานนี้ (11ม.ค.) แหล่งข่าวจากศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง แจ้งว่า บริษัทเอกชนตัวแทนนำเข้า ขนรถโดยสาร NGV ของ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ได้ยื่นใบขนและให้ทำการตรวจสอบรายละเอียดรถเมล์ ซึ่งจอดอยู่ในเขตคลังทัณฑ์บนสินค้า เพื่อให้เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรตรวจสอบสภาพรถว่าถูกต้องมีรายละเอียดตามที่แจ้งใบขนหรือไม่ หากไม่ถูกต้องจะถูกดำเนินคดี แต่หากถูกต้องตามที่ใบขนแจ้งสามารถนำรถออกไปได้
ทั้งนี้เนื่องจากเบื้องต้นสภาพรถเมล์เข้าข่ายต้องนำมาพิจารณาดำเนินคดี จึงมี 2 ทางเลือกให้ดำเนินการ คือ 1.การนำเงินวางประกันให้คุ้มกับค่าปรับทางคดีกรมศุลกากร หรือ 2.ภาคเอกชนสามารถจ่ายภาษีนำเข้าร้อยละ 40 หรือ 1.4 ล้านบาทต่อคัน ทั้งหมด 291 คัน เป็นเงินทั้งหมด 407.4 ล้านบาท เพื่อนำไปเข้ากระบวนการทดสอบและติดตั้งระบบจีพีเอส ตรวจสภาพจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก(ขบ.)
จากนั้นค่อยมาต่อสู้คดีเกี่ยวกับการเสียภาษีนำเข้า หากมีข้อโต้แย้งในการใช้สิทธิ์ทางภาษีของกลุ่มอาเซียน เนื่องจากการสู้ทางคดีต้องใช้เวลานาน โดยกรมศุลกากรแหลมฉบังพร้อมให้บริษัทเอกชนมายื่นใบขน เพื่อนำรถออกไปให้บริการตามสัญญากับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) แต่ต้องจ่ายเงินภาษีนำเข้าให้เรียบร้อย
ซึ่งทางบริษัทฯ ได้นำมาเงินมาวาง เรียบร้อยแล้ว หลังจากเลื่อนมาหลายวันและจากการตรวจสอบเอกสารต่างๆ แล้วทางบริษัทสามารถนำรถดังกล่าวออกไป โดยบริษัทฯได้มาทำเรื่องเพื่อดำเนินการนำรถออกได้เรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็น หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ศุลกากรจากส่วนกลาง ได้ตรวจสภาพรถ เช่น คัสซี แบตเตอร์รี่รถยนต์ หมายเลขเครื่อง ฯลฯ ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ เนื่องจากรถโดยสารที่จะนำออกครั้งนี้ทั้งสิ้น 291 คัน แต่มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ประมาณ 20 คนเท่านั้น
ด้านเจ้าหน้าที่บริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ศุลกากร ได้ตรวจสอบสภาพรถตั้งแต่ช่วงเย็น จนกระทั่งเมื่อเวลา 23.00 น. รถที่เตรียมนำออกไปเพิ่งนำรถออกได้เนื่องจากต้องหาคนขับรถให้ได้ตามจำนวนรถที่จะนำไป ซึ่งหลังจากนั้นเมื่อคนขับมาพร้อมทางบริษัทจึงได้นำรถออกเพื่อขับเข้ากรุงเทพฯ ทันที โดยในคืนนี้นำรถออกได้ 40 คัน แล้วจะนำไปจอดไว้ที่ลานจอด ของบริษัทที่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ส่วนที่เหลือจะทยอยนำออกจนหมด 291 คัน คาดว่าน่าจะถึงวัน 14 มกราคม นี้
ร.ต.ต .มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง เผยว่า ทางท่าเรือแหลมฉบังในฐานะเจ้าของพื้นที่ ได้มีการประสานงานกับทาง สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังมาโดยตลอด และพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้าย ขบวนรถโดยสาร NGV ดังกล่าว ออกจากท่า หากทำทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว