คลิปฉาวว่อน! ทหารยศ “จ.ส.อ.” บุกชกหนุ่มคาออฟฟิท เหตุหึงหวงเมีย ด้านเจ้าตัวยอมรับทำจริง -โดนสั่งกักบริเวณแล้ว รอผลสอบข้อเท็จจริง
จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ@ความเจ็บปวด ที่งดงาม ได้เผยแพร่คลิปวีดีโอ เป็นชายแต่งกายคล้ายทหาร แบบครึ่งท่อน เข้าไปทำร้ายชกต่อยชายหนุ่มในออฟฟิศแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยไม่มีใครทราบถึงต้นสายปลายเหตุว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.47 น.
โดยในคลิปปรากฏภาพของชายแต่งกายคล้ายทหารจอดรถเก๋งหน้าออฟฟิศแล้วใช้มือชกประตูไม้จนทะลุ เดินขึ้นไปบนชั้น 2 แล้วพยายามไล่ชกต่อยพนักงานหนุ่มคนหนึ่ง แม้จะมีพนักงานชายอีก3คนและพนักงานหญิงคนหนึ่งคอยห้ามและฉุดกระชากไว้ แต่ชายคนดังกล่าวไม่หยุดกลับชกต่อยพนักงานชายทั้ง3คนด้วยอารมณ์ที่โกรธแค้น ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารมาคุมตัวชายที่แต่งกายคล้ายทหารคนดังกล่าวออกไป ซึ่งหลังจากมีการแชร์คลิปดังกล่าวในโลกโซเชียลก็มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก บางคนก็ต่อว่าชายที่แต่งกายคล้ายทหาร และบางคนก็ระบุในลักษณะเห็นชายคนดังกล่าวที่เข้าไปชกต่อยพนักงานหนุ่มสินเชื่อถึงในร้านน่าจะมีสาเหตุอะไร
ล่าสุดจากการตรวจสอบพบว่าออฟฟิศที่เกิดเหตุ คือ บริษัทสินเชื่อแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ถนนอินจันทร์ณรงค์ ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ และจากการสอบถามแหล่งข่าว ทราบว่าชายแต่งกายคล้ายทหารที่ปรากฏในคลิปเป็นทหารจริง คือ ยศ “จ.ส.อ.” อายุ 36 ปี ปัจจุบันเป็นนายสิบช่างอาวุธ สังกัดกองร้อยมณฑลทหารบกที่26 ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก
สาเหตุที่ก่อเหตุ เนื่องจาก จ.ส.อ.คนดังกล่าวหึงหวงภรรยา ซึ่งทำงานเป็นพนักงานในบริษัทสินเชื่อดังกล่าว โดยระแวงว่าภรรยา อาจจะมีกิ๊กกับพนักงานชายในที่ทำงานเดียวกัน ซึ่งที่ผ่านมา จ.ส.อ. ก็เคยตามภรรยามาที่ทำงานและมีการทะเลาะตบตีกันในที่ทำงานหลายครั้ง ซึ่งนางกัญญารัตน์ ก็เคยไปแจ้งความ ที่ สภ.เมืองฯด้วย ส่วนในวันเกิดเหตุ5ม.ค.60จ.ส.อ.ได้ขับรถยนต์มาจอดรถซุ่มดูภรรยาที่หน้าบริษัท ก่อนจะพังประตูเข้าไปชกต่อยพนักงานในบริษัทตามที่ปรากฎในคลิป
ทั้งนี้จากการโทรศัพท์ติดต่อสอบถาม จ.ส.อ.ที่ปรากฏในคลิป ยอมรับว่าได้ก่อเหตุตามคลิปจริง เนื่องจากไม่พอใจที่พนักงานชายในบริษัทมาพูดจากหยอกล้อภรรยาของตัวเองแบบถึงเนื้อถึงตัว ทำไปเพราะปกป้องศักดิ์ศรี แต่ก็ถูกพนักงานชายรุมทำร้ายบาดเจ็บที่แขนเช่นกัน แต่ภาพไม่ได้ปรากฎในคลิป ก็อยากจะขอความเป็นธรรมให้กับตนเองด้วย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดหลังต้นสังกัดทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทางผู้บังคับบัญชาก็ได้สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง พร้อมสั่งลงโทษโดยเบื้องต้นได้กักบริเวณ เพื่อรอผลสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง