“สุราษฎร์ธานี” ทั่วหัวระแหง ระทมทุกข์แบบสุดๆ ฝนตกหนักไม่หยุด น้ำสูงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แถมน้ำป่าซัดถล่มซ้ำอีก เป็นเหตุให้ถนนทางหลาง 41 ถูกตัดขาด โรงเรียน-มหาวิทยาลัย ปิดยาว
เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ฝนได้ตกหนักทั้งวันทั้งคืนต่อเนื่องไม่หยุด ทำให้ปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พื้นที่เสี่ยงมากที่สุดคือบ้านในเขา ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ วัดได้ 280 มม. ส่วนบ้านปากฮาย ต.คลองสระ และบ้านเขาเคี่ยม ต.ป่าร่อน อ.กาญจนดิษฐ์ วัดได้ 200 มม. ส่งผลให้น้ำระบายไม่ทันและน้ำป่าไหลหลากจากภูเขาลงเข้าท่วมพื้นที่ตอนล่างแล้ว
ขณะที่ อ.บ้านนาสาร สะพานข้ามคลองฉวางบ้านกอบแก้ววัฒนาภิบาล รอยต่อหมู่ 5 ต.ลำพูนกับหมู่ 6 ต.เพิ่มพูนทรัพย์ ถูกกระแสน้ำพัดตัดขาด และสะพานบ้านเขาน้อย หมู่ 1-3 ต.ลำพูน น้ำกัดเซาะทรุดตัว ทำให้ นายอวยชัย อินทร์นาค ผวจ.สุราษฎร์ธานี และนางสินีนาฎ อินทร์นาค นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสุราษฎร์ธานี ต้องรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมสั่งให้เฝ้าระวัง 24 ชม
เช่นเดียวกับ อ.ท่าชนะ ที่สะพานข้ามคลองท่ากระจาย(ฝั่งขาขึ้นกรุงเทพฯ) ถนนทางหลวงเอเชีย 41 ต.ท่าชนะ มีรอยร้าวต้องปิดชั่วคราวให้ไปใช้สะพานคู่ขนานแทน ถนนบางช่วงมีน้ำไหลผ่านข้ามหลายจุดทำให้การสัญจรด้วยความลำบากและที่โรงเรียนท่าชนะ มีน้ำท่วมสูงต้องประกาศปิดให้ผู้ปกครองมารับนักเรียนกลับบ้านและที่ อ.พุนพิน เกิดดินบนเนินเขาด้านหลังโรงแรมควีนส์ เขตเทศบาลเมืองท่าข้าม อุ้มน้ำไม่ไหวถล่มลงมากองหลังบ้านเรือนชาวบ้านจนผวาไม่กล้านอน
ด้าน อ.กาญจนดิษฐ์ น้ำป่าไหลเข้าท่วมบ้านปากฮาย ,บ้านม่วงลีบ ต.คลองสระ ,ต.ป่าร่อน, ต.ช้างซ้าย รวม 10 หมู่บ้าน ชาวบ้านเดือดร้อนเกือบ 2,000 ครัวเรือน ต้องอพยพไปอยู่บ้านญาติและขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง บางครอบครัวหนีขึ้นไปอยู่บนหลังคา ถนนในหมู่บ้านถูกตัดขาด โรงเรียนในเขตเทศบาลต.กรูด ปิดการเรียนทั้งหมด 8 แห่ง และมีแนวโน้มว่าจะหนักกว่าปี 2554 อีกด้วย
ส่วนที่ สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี อ.พุนพิน ขบวนรถไฟรวม 8 ขบวน จอดตกค้างขึ้น-ล่อง กรุงเทพฯกับภาคใต้ตอนล่างไม่ได้ เนื่องจากรางรถไฟช่วงบ้านเขาพนมแบก อ.ท่าชนะ ถูกกระแสน้ำพัดหินรองรางหายไป มีผู้โดยสาร 300 คน ตกค้างไม่สามารถกลับกรุงเทพฯได้ ยังไม่มีอนาคตว่าจะเปิดวิ่งได้เมื่อใด
ทั้งนี้ จ.สุราษฎร์ธานี ได้สั่งปิดยาวทั้งโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่ได้รับผลกระทบ และต้องรอดูสถานการณ์วันต่อวัน