ศปถ.แจงยอดอุบัติเหตุ 6 วัน ตายพุ่ง 426 ราย บาดเจ็บ 3,761 คน ชลบุรีแชมป์สะสมเสียชีวิตสูงรวม 33 ราย 5 จังหวัดปลอดตาย
โดยพลโท ธีรวัฒน์ บุญยะวัฒน์ หัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน ส่วนงานการรักษาความสงบเรียบร้อย สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ประจำปี 2560 กล่าวเปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 3 มกราคม 2560 เป็นวันที่ 6 ของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” เกิดอุบัติเหตุ 422 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 59 ราย ผู้บาดเจ็บ 419 คน
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.59 – 3 ม.ค.60 เกิดอุบัติเหตุรวม 3,579 ครั้ง ยอดผู้เสียชีวิต 426 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 3,761 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 5 จังหวัด ได้แก่ พังงา แม่ฮ่องสอน ยะลา ระนอง และสตูล จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี 146 ครั้ง :ซึ่งจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ชลบุรี 33 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี 156 คน โดยข้อมูลปริมาณรถของศูนย์ปฏิบัติการคมนาคม พบว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2559 – 4 มกราคม 2560 มีปริมาณรถบนท้องถนนทั้งขาเข้าและขาออกกรุงเทพฯ จำนวน 6,274,767 คัน เมื่อเทียบกับช่วงปกติ มีปริมาณรถ 4,709,499 คัน เพิ่มขึ้น จำนวน1,565,268 คัน คิดเป็นร้อยละ 33.24 จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น
“วันนี้ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางถึงที่หมายแล้ว ขณะที่บางส่วนยังอยู่ระหว่างการเดินทาง เมื่อเทียบสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 6 วันที่ผ่านมา เพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ห่วงใยความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน จึงได้สั่งการให้ ศปถ. ประสานจังหวัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยกวดขันการขับรถเร็ว การคุมเข้มเมาแล้วขับ การส่งเสริมการใช้อุปกรณ์นิรภัย ตรวจสอบรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานก่อนเดินทาง และการประเมินความพร้อมของผู้ขับขี่ เพื่อป้องกันการง่วงหลับใน รวมถึงดำเนินการแก้ไขปัญหา และปิดจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยตั้งกรวยริมไหล่ทาง ปิดจุดกลับรถ เปิดสัญญาณไฟวับวาบบนเส้นทางเป็นระยะ ตลอดจนให้ถือปฏิบัติตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติในการดำเนินมาตรการยึดรถผู้ที่เมาแล้วขับอย่างเข้มข้น” หัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน ส่วนงานการรักษาความสงบเรียบร้อยฯ กล่าวและว่า นอกจากนี้ให้จังหวัดถอดบทเรียนการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2560 เพื่อวางมาตรการและกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาที่สอดคล้องกับสถานการณ์อุบัติเหตุ ครอบคลุมทั้งการดำเนินงานในช่วงปกติ และช่วงเทศกาลสำคัญ ควบคู่กับการรณรงค์สร้างจิตสำนึกและความรับผิดชอบในการใช้รถใช้ถนน เพื่อเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนในสังคมไทยอย่างยั่งยืน
ด้านนายชยพล ธิติศักดิ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้จังหวัดจัดประชุมศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด เพื่อสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2560 พร้อมทั้งเร่งตรวจสอบข้อมูลผู้บาดเจ็บอุบัติเหตุทางถนน ในช่วงควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2559 – 4 มกราคม 2560 ซึ่งเสียชีวิตภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันเกิดเหตุ เพื่อให้ได้ข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนนที่ถูกต้องและเป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมถึงวิเคราะห์สาเหตุหลักการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ถอดบทเรียนการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่ เพื่อค้นหาสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุที่จะนำไปสู่การกำหนดมาตรการและกลยุทธ์ในการสร้างความปลอดภัยทางถนนให้สอดคล้องกับสถานการณ์และรูปแบบการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ที่ครอบคลุมทั้งในช่วงปกติและช่วงเทศกาลสำคัญ
ขณะที่นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า จากการวิเคราะห์สถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 6 วันที่ผ่านมา พบว่า ผู้ประสบอุบัติเหตุส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย ขณะที่ผู้ประสบอุบัติเหตุบางส่วนเป็นกลุ่มผู้ใช้รถใช้ถนนที่ขับรถระยะทางไกล มีสาเหตุจากการขับรถเร็ว สภาพรถไม่ปลอดภัย และความอ่อนล้าจากการเดินทาง ทำให้มีอาการหลับใน ศปถ. จึงได้ประสานจังหวัดคุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่ ทั้งการดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว และง่วงหลับใน โดยใช้กลไกการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น พร้อมรณรงค์สร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนน ควบคู่กับการดำเนินมาตรการทางสังคมและชุมชน รวมถึงมาตรการองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการสร้างการสัญจรที่ปลอดภัยตามมาตรฐานสากล