อดีตปธ.วุฒิสภา ชงใช้ม.44 นิรโทษปชช.สร้างปรองดอง เว้นแกนนำ-คดีม.112-ทุจริต พร้อมเสนอตั้งกก.พิเศษ เยียวยาเหยื่อชุมนุมทางการเมือง
นายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา กรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงความคืบหน้าแผนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง เรื่องการแก้ปัญหาความขัดแย้งและการสร้างความปรองดองว่า ขณะนี้กมธ.ได้ข้อสรุปเรื่องหลักเกณฑ์การสร้างความปรองดองในระดับหนึ่ง โดยเห็นว่าคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 คดีความผิดอาญาร้ายแรง หรือคดีทุจริต ไม่อยู่ในเกณฑ์ได้รับการนิรโทษกรรม ต้องว่าไปตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม
ส่วนคดีที่เกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองทั่วไปของประชาชน ที่ไม่เกี่ยวกับแกนนำ กมธ.จะเสนอแนวทางต่อรัฐบาลให้ช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ อาทิ การใช้นโยบาย 66/23 เหมือนในสมัยรัฐบาลพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่ช่วยคนเห็นต่างจากรัฐบาลในขณะน้ัน ไม่ต้องรับผิด หรือการใช้อำนาจตามมาตรา 44ของหัวหน้าคสช. นิรโทษกรรมให้ประชาชน โดยจะเสนอให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการพิเศษชุดหนึ่ง ทำหน้าที่แยกแยะประเภทความผิด เพื่อคืนความเป็นธรรมให้ทุกฝ่าย
นายสุชน. กล่าวว่า ขณะเดียวกันจะต้องมีมาตรการเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งการเยียวยาจะมีทั้งรูปแบบที่เป็นตัวเงิน และการเยียวยาทางจิตใจ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า จะให้เงินเยียวยาจำนวนเท่าใด แต่คงไม่มากถึง 7.5 ล้านบาท เหมือนที่เคยได้ในสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขณะนี้กมธ.อยู่ระหว่างการนำผลสรุปของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.)ที่มีนายคณิต ณ นคร กับผลสรุปเรื่องการสร้างความปรองดองชุดต่างๆที่ทางสภาฯเคยศึกษาไว้ มาพิจารณา เพื่อหาข้อสรุปอย่างเป็นทางการ และจะเชิญนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มาร่วมหารือถึงแนวทางเยียวยาช่วยเหยื่อการชุมนุมทางการเมือง เบื้องต้นจะยึดตามบัญชีที่กรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้จัดบัญชีไว้
นายสุชน กล่าวว่า คาดว่าภายในไม่เกินเดือนก.พ. สปท.การเมืองจะได้ข้อสรุปเรื่องแนวทางการสร้างความปรองดอง และการเยียวยาอย่างเป็นทางการ เพื่อเสนอต่อที่ประชุมสปท.ชุดใหญ่ให้ความเห็นชอบ และส่งต่อให้รัฐบาลนำไปดำเนินการต่อไป ส่วนตัวเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหากัน สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น รัฐบาลจะต้องทำอย่างจริงจังในปี 2560 ทันที ไม่ต้องรอให้ร่างรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูกประกาศใช้ เพื่อให้ประเทศ ไม่จำเป็นต้องรอให้ประเทศเดินหน้าต่อได้ ไม่ใช่พูดแค่เป็นวาทกรรม