กำลังจะผ่านพ้นไปแล้วสำหรับปี 2559 ซึ่งจัดว่าเป็นอีกปีแห่งความทรงจำ โดยเฉพาะเรื่องข่าวสารในช่วงตลอด 365 วันที่ไหลเวียนเข้ามาให้ชาวไทยได้ติดตาม ที่จนถึงวันนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องราวที่เราคุ้นชินและพูดถึงเสมอในการใช้ชีวิตประจำวัน และในโอกาสนี้กระปุกดอทคอมได้ทำการคัดเลือก 13 ประเด็นข่าวแห่งปีมาให้ผู้อ่านได้ย้อนความทรงจำอีกครั้งก่อนจะก้าวสู่ปี 2560
– ในหลวง รัชกาลที่ 9 สวรรคต – รัชกาลที่ 10 ขึ้นทรงราชย์
ในรอบปีที่ผ่านมาคงไม่มีข่าวใดที่มีผลกระทบต่อจิตใจของชาวไทยมากกว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 ณ โรงพยาบาลศิริราช สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 ทรงครองราชย์นานถึง 70 ปี
เมื่อทราบข่าวทั้งประเทศต่างตกอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ ประชาชนชาวไทยต่างพร้อมใจกันไว้อาลัยเป็นเวลายาวนาน จากนั้นไม่นานบริเวณท้องสนามหลวงและพระบรมมหาราชวังก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่ตั้งใจมาแสดงความอาลัยและเคารพพระบรมศพ รวมทั้งมีผู้คนน้ำใจงามจากทั่วประเทศเข้ามาแจกจ่ายอาหารและอำนวยความสะดวกกันอย่างมากมาย ซึ่งถือเป็นภาพที่สวยงามท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้าอย่างแท้จริง
หลังจากนั้นไม่นานประเทศไทยก็มีพระมหากษัตริย์องค์ใหม่คือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่เสด็จขึ้นทรงราชย์ สืบราชสันตติวงศ์ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2559 หลังก่อนหน้านี้พระองค์ขอเวลาแสดงความเสียใจร่วมกับประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งนับจากนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ทรงเป็นประมุขของประเทศ และเป็นศูนย์รวมน้ำใจของคนไทยทั้งชาติต่อไป
– มหากาพย์ #แอร์กราบ แม่เด็กพิเศษบังคับแอร์โฮสเตสก้มกราบลูก จนโซเชียลระอุ !
ข้ามมาดูหนึ่งในประเด็นร้อนทางสังคม จากกรณีคุณแม่รายหนึ่งที่บังคับแอร์โฮสเตสให้กราบลูกสาวที่เป็นเด็กพิเศษ โดยให้เหตุผลว่าแอร์โฮสเตสสาวรายนี้ไม่ให้เกียรติลูกของเธอ ด้วยการเข้ามาสอบถามว่าลูกของเธอเป็นอะไร ทั้งยังแจ้งเรื่องไปยังพนักงานภาคพื้นดิน รวมถึงกัปตัน อย่างไรก็ดีคดีนี้ผู้คนต่างแสดงความเห็นใจฝ่ายแอร์โฮสเตสสาว หลังมองว่าเป็นการทำร้ายจิตใจและละเมิดสิทธิมนุษยชนเกินไป
เรื่องดังกล่าวร้อนไปถึงแอร์เอเชีย ต้นสังกัดของแอร์โฮสเตสรายนี้ ต้องออกมาแถลงทำความเข้าใจกับประชาชน จากนั้นไม่นานนายโทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มแอร์เอเชีย ได้เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ แต่ก็ยังคงมีกระแสในด้านลบจากประชาชนอยู่ หลังไม่มีท่าทีว่าจะดำเนินการใด ๆ กับผู้โดยสารที่เป็นต้นเรื่อง รวมถึงพนักงานระดับสูงที่อยู่ในเหตุการณ์ จนมีการตั้งแคมเปญรณรงค์เรียกร้องให้มีการถอดถอนชื่อ “สายการบินแอร์เอเชีย” ออกจากรายชื่อบริษัทที่เข้าชิงรางวัลสายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลก เลยทีเดียว
สุดท้าย มีแหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยว่า บทสรุปของเรื่องนี้คือ หนึ่งในสามเมเนเจอร์ที่สั่งให้แอร์โฮสเตสก้มกราบนั้นได้ออกจากสายการบินดังกล่าวแล้วและย้ายไปอยู่อีกที่ที่จดทะเบียนเป็นคนละบริษัท แต่ยังอยู่ในไทย ส่วนอีก 2 คน ยังคงทำงานอยู่ตามปกติ เพียงแต่โดนสั่งทัณฑ์บน แต่เรื่องนี้ไม่ได้มีการยืนยันจากต้นสังกัดอย่างแอร์เอเชียแต่อย่างใด
– พระเอกหนุ่ม ปอ ทฤษฎี เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกและอาการแทรกซ้อน
เหตุการณ์สูญเสียสะเทือนวงการบันเทิงไทยในรอบปีที่ผ่านมา ได้แก่ การจากไปของพระเอกหนุ่ม ปอ ทฤษฎี สหวงษ์ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2559 หลังเข้ารักษาอาการป่วยไข้เลือดออกขั้นวิกฤตและโรคแทรกซ้อนนานร่วม 2 เดือน ซึ่งก่อนหน้านั้นทุกคนต่างเป็นกำลังใจให้ ปอ มีอาการที่ดีขึ้นและกลับมาหายเป็นปกติ แต่สุดท้ายปาฏิหาริย์ไม่มีจริง
ระหว่างที่ ปอ ทฤษฎี ป่วย มักปรากฏภาพบรรดาคนดังและดารา หรือคนสนิทของ ปอ เข้าเยี่ยมมากมาย อย่างไรก็ดีหลังพระเอกหนุ่มรายนี้เสียชีวิต ก็นำมาซึ่งความโศกเศร้าของแฟน ๆ ละคร ก่อนที่สุดท้ายจะมีการเคลื่อนศพของ ปอ กลับไปทำพิธียังบ้านเกิดที่จังหวัดบุรีรัมย์ แต่ในระหว่างเคลื่อนย้ายศพจากกรุงเทพฯ ไปบุรีรัมย์ก็มีดราม่าเล็กน้อย หลังประชาชนไม่พอใจการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนหลาย ๆ อย่าง ซึ่งดูเหมือนไม่ให้เกียรติญาติและผู้ที่กำลังเศร้าโศกในตอนนั้น
ทั้งนี้แม้ ปอ ทฤษฎี จะจากไปแล้ว แต่คนไทยก็ยังคงจดจำผลงานรวมถึงนิสัยที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง จนเรียกได้ว่าเป็นพระเอกทั้งในจอและนอกจอ นอกจากนี้ อีกเรื่องดี ๆ ที่น่าจดจำคือภรรยาสาวอย่าง โบว์ แวนด้า และ น้องมะลิ ที่กลายเป็นภาพติดตาตลอดในช่วงที่ ปอ ล้มป่วย และจากความน่ารักของครอบครัวนี้ทำให้ปัจจุบันก็ยังคงมีข่าวของน้อง มะลิ และแม่โบว์ ให้ได้ติดตามอยู่เสมอ
ภาพจาก Instagram vanda29
– โซเชียลรู้จัก ดีเจเก่ง เกียร์อาร์ ดราม่าถอยรถชนยาริสยับ แต่ให้การตรงข้าม
จากคลิปรถกระบะสีดำถอยหลังชนยาริสสีแดง 2 ครั้งกลางถนน ประมาณ 3 คลิป ก่อนจะมีการเปิดเผยว่าผู้ก่อเหตุคือ นายภัทรศักดิ์ เทียมประเสริฐ หรือดีเจเก่ง ก่อนจะได้รับฉายาว่า “เก่ง เกียร์อาร์” พร้อมประโยคฮิต “เจอคนแบบนี้ ในสังคมแบบนี้ แย่มากครับ” กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะนอกจากพฤติกรรมที่น่ากลัวแล้ว ยังมีการให้การในคลิปไม่ตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
หลังจากได้ดูคลิปดังกล่าว ชาวเน็ตส่วนใหญ่ก็ไม่พอใจอย่างหนัก จนมีการรุมขุดประวัติ รวมถึงต่อว่าต่าง ๆ มากมาย ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ยอมรับผิด ส่งผลให้ต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย และโดนโทษจำคุก 3 เดือน 15 วัน และยึดใบขับขี่ ส่วนในหน้าที่การงานก็ถูกไล่ออกจากคลื่นวิทยุต้นสังกัด และจากกระแสกดดันอย่างหนักทำให้ ดีเจเก่ง ต้องไปบวชเป็นการชั่วคราว
ภาพจาก springnews
ทั้งนี้ดีเจเก่ง ออกมาให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกหลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้ 10 กว่าเดือน ระบุว่า ชีวิตต้องเจอกับมรสุมหนัก ไม่ว่าจะเป็นแฟนขอเลิก ลูกสาวคนเล็กป่วยเป็นลมชัก แม่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ รถที่ขับถูกยึด ใบขับขี่โดนระงับ ทุกวันนี้แม่เป็นหนี้เกือบ 2 แสน เพราะต้องหาเงินมาเยียวยาคู่กรณี หนำซ้ำตู้เซฟที่บ้านยังโดนโจรขโมยไปจนทำให้แทบหมดตัว ไม่มีใครจ้างงานจนต้องอาศัยที่วัด และได้วอนสังคมให้โอกาสอีกครั้ง ก่อนที่ล่าสุดเจ้าตัวจะเริ่มได้รับการจ้างงานจากผู้ใหญ่ใจดีบ้างแล้ว
– น็อต อัครณัฐ โดนถล่มเดือด เซ่นคลิปตบหน้า พร้อมประโยค “กราบรถกู”
ข่าวฉาวที่เกี่ยวกับดาราในวงการในรอบปีที่ผ่านมา คงไม่มีคดีไหนสู้ น็อต อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล ดาราและพิธีกรซึ่งเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของวัยรุ่น หลังถูกถ่ายคลิปขณะที่ไปลากคู่กรณีที่ขี่รถจักรยานยนต์มาตบหน้าอย่างแรงจนจมูกเบี้ยว พร้อมกับบังคับให้กราบขอขมารถมินิ คูเปอร์ สีเหลือง จนได้ฉายาว่า “น็อต กราบรถ” ซึ่งเจ้าตัวถูกวิจารณ์จากเรื่องนี้อย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใช้ความรุนแรง หรือทำร้ายจิตใจของคู่กรณีด้วยการให้กราบรถ
จากเรื่องดังกล่าวทำให้มีผู้คนเข้าไปต่อว่า น็อต มากมาย ไม่ว่าจะเป็นในสื่อสังคมออนไลน์ของเจ้าตัว หรือแม้กระทั่งร้านอาหารญี่ปุ่นที่ น็อต เป็นหุ้นส่วน ขณะที่ในเรื่องคดีความก็ดูจะไม่จบง่าย ๆ เมื่อตอนแรก น็อต ไม่ยอมรับข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นและข้อหาบังคับข่มขืนใจผู้อื่นทำให้เสียอิสรภาพ รวมถึงเล็งจะฟ้องคู่กรณีกลับฐานชนแล้วหนี ทั้งที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวทำทีเหมือนจะรับผิดและไปขอโทษคู่กรณีและแม่อย่างดิบดี จนทำให้ชาวเน็ตยิ่งโมโหหนักขึ้นไปใหญ่
อย่างไรก็ดีจากเหตุการณ์ที่ฉาวเช่นนี้ ส่งผลให้ น็อต ถูกถอดจากงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจากค่ายหลักอย่างแกรมมี่ หรืองานพิธีกรตามช่องอื่น ๆ ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจไปบวช ณ ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน จ.เชียงราย แต่ก็ยังไม่วายโดนหมายจับ เพราะไม่ไปพบตำรวจตามนัด ก่อนที่ล่าสุดจะสึกออกมา และกำลังอยู่ในขั้นตอนการสู้คดีต่อไป
– หญิงไก่ ไม่รอดคุก ปมทำพฤติกรรมแอบอ้างเบื้องสูง
ชื่อของหญิงไก่ หรือ นางมณตา หยกรัตนกาญ กลายเป็นที่รู้จักแพร่หลายในปีที่ผ่านมา หลังมีหลายเหตุการณ์ที่ซับซ้อนและแคลงใจประชาชน ซึ่งปมนี้เริ่มจากการออกมาขอความเป็นธรรมของเด็กสาว 19 ปี ที่โดนแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ทั้งที่สืบดูแล้วเธอเป็นผู้บริสุทธิ์
หลังจากนั้นมีการสืบค้นว่า หญิงไก่ เคยแจ้งความเท็จเล่นงานลูกจ้างมาแล้วหลายคน ซึ่งปมส่วนใหญ่มาจากเรื่องที่ลูกจ้างปฏิเสธไม่ยอมไปอยู่ต่างประเทศ นำไปสู่การสืบเพิ่มว่าจะเป็นคดีค้ามนุษย์หรือไม่ ส่วนอีกหนึ่งประเด็นที่ผู้คนสนใจมากที่สุด หนีไม่พ้นว่าเธอเป็นคุณหญิงจริงหรือหลอก !? และมีความร่ำรวยจริงเท่าที่ไปแจ้งความว่าโดนขโมยของไปกว่า 10 ล้านจริงหรือไม่ ก่อนที่ทุกอย่างจะได้ข้อสรุปชัดเจนว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด
ทั้งนี้ประเด็นที่คนติดตามคดีนี้เป็นห่วงในตอนแรก คือ หลักฐานที่เธอเคยมีอาการทางจิต อาจจะทำให้เธอรอดพ้นจากการติดคุก แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรพลิก หลังหญิงไก่โดนแจ้งไปหลายคดีหนัก หลัก ๆ คือการแอบอ้างเบื้องสูง ทำให้ถูกฝากขังในเรือนจำไปแล้ว แม้จะต้องออกมาต่อสู้ในชั้นศาลอีกหลายคดีที่ยังสะสางไม่จบก็ตาม
– แฉกระฉ่อน #ดลฤดีหนีทุน ปล่อยคนค้ำประกันใช้หนี้แทนเกือบ 10 ล้าน
ในรอบปีที่ผ่านมาเรื่องราวสุดอื้อฉาวในวงการมหาวิทยาลัย คงหนีไม่พ้นคดีที่มีการแฉว่า ทพญ.ดลฤดี จําลองราษฎร์ หนีใช้ทุนเรียนของรัฐบาลไปใช้ชีวิตอยู่ที่สหรัฐฯ โดยทิ้งภาระหนี้ให้กับผู้ค้ำประกัน 4 คน ต้องร่วมกันใช้เงินค่าปรับกว่า 8 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้เริ่มต้นจากการเปิดเผยจาก ทพ.เผด็จ พูลวิทยกิจ หนึ่งในผู้ที่ต้องมาชดใช้หนี้โดยยากลำบากทั้งที่ตัวเองก็มีภาระ ก่อนจะนำเรื่องดังกล่าวมาเป็นอุทาหรณ์ให้ประชาชนได้ทราบหลังตนเองได้ใช้หนี้หมดแล้ว
เมื่อเหตุการณ์นี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีการแฉอีกว่าที่จริง ทพญ.ดลฤดี ไม่ได้เดือดร้อนในการใช้หนี้เลย เพราะมีรายได้จากการเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซ้ำยังมีธุรกิจคลินิกทำฟันของตัวเอง ทำให้มีรายได้ปีละกว่า 42 ล้านบาท รวมถึงมีทรัพย์สินมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบ้านราคา 45 ล้าน รวมถึงรถสปอร์ตสุดหรู ส่งผลให้โลกออนไลน์ต่างไม่พอใจกับพฤติกรรมของหมอฟันหญิงรายนี้อย่างมาก ว่าทำไมถึงปล่อยให้ผู้อื่นเดือดร้อนเพราะเรื่องตัวเอง รวมถึงถึงผิดสัญญากับผู้ออกทุนด้วยการไม่ยอมกลับมาสอนที่ไทยตามที่ได้ตกลงกันไว้
แม้ฝั่ง ทพญ.ดลฤดี และสามี จะออกมาแก้ต่างว่าตัวเองพยายามชดใช้อยู่ตลอด แต่ก็รับไม่ได้ที่ตัวเองโดนคิดดอกเบี้ยทุนถึง 3 เท่า แต่เรื่องนี้ก็ไม่มีน้ำหนัก เพราะเป็นเงื่อนไขที่ตกลงไว้ตั้งแต่ตอนได้ทุนแล้วว่าต้องมาทำงานชดใช้หนี้สิน ซึ่งการหนีและปล่อยคนอื่นเดือดร้อนแบบนี้ทำให้เธอโดนประณามมากมาย โดยเพจเฟซบุ๊กของฮาร์วาร์ด โดนคนไทยถล่มหนัก ส่วนที่มหาวิทยาลัยเองก็มีผู้ไปติดกระดาษประจานเรื่องราวของหมอฟันรายนี้ไว้ทั่ว ซึ่งแม้ฮาร์วาร์ดจะไม่ได้ลงโทษอะไรแต่เธอก็ทนความกดดันไม่ไหวจนแอบลาออกไปแบบลับ ๆ ก่อนจะไปมีชื่อสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยบอสตัน
ขณะที่ในเรื่องของคดีความ ทพญ.ดลฤดี โดนฟ้องล้มละลายและโดนสั่งพิทักษ์ทรัพย์ในไทยแล้ว ส่วนในการฟ้องหมอฟันรายนี้ที่สหรัฐฯ อยู่ในการรวบรวมทุนและดำเนินการ ซึ่งยังต้องติดตามต่อไปว่าเรื่องนี้จะลงเอยเช่นไร
– คดีฆ่าปาดคอครูอิ๋ว จนสังคมเรียกร้อง “ข่มขืน=ประหาร”
หนึ่งในคดีสะเทือนขวัญในรอบปีที่ผ่านมาคงหนีไม่พ้น กรณี นายชาตรี ร่วมสูงเนิน ก่อเหตุฆ่า น.ส.จุฬารัตน์ หรือ “ครูอิ๋ว” ครูโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2559 หลังคนร้ายพยายามจะข่มขืน แต่ผู้ตายต่อสู้ทำให้ถูกมีดฟันคออย่างรุนแรงหลายจุดจนเสียชีวิต ก่อนจะขโมยทรัพย์สินบางส่วนไปด้วย ซึ่งมีการสืบพบว่าผู้ต้องหาเคยต้องโทษคดีข่มขืนมาแล้วในปี 2556 ทำให้สังคมตั้งคำถามว่าทำไมผู้ก่อคดีแบบนี้ถึงถูกปล่อยตัวมาก่อเหตุอีก
จากความโกรธแค้นของผู้ที่ได้ทราบข่าวโดยเฉพาะละแวกนั้น ที่มารอรุมประชาทัณฑ์นับพันคน ทำให้การทำแผนประกอบคำรับสารภาพของคนร้ายต้องล่มไปหลายต่อหลายครั้ง นอกจากนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวยังสร้างความสะเทือนขวัญให้กับชาวบ้านผู้อาศัยในห้องเช่าที่เกิดเหตุ จนต้องทยอยย้ายหนีกันออกไปเกือบหมด
ขณะเดียวกันจากเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อให้เกิดกระแสสังคมอย่างมากในเรื่อง “ข่มขืนต้องโดนประหารชีวิต” ซึ่งก็มีประชาชนรวมทั้งผู้มีชื่อเสียงหลายรายออกมาสนับสนุนแนวคิดนี้ อย่างไรก็ดีเรื่องดังกล่าวจำเป็นต้องใช้เวลาในการพิจารณาการเปลี่ยนหรือแก้กฎหมายพอสมควร ส่วนการตัดสินคนร้ายรายนี้ จากพยานหลักฐานที่ชัดเจน ทำให้ไม่น่าจะรอดพ้นโทษประหารชีวิตไปได้เช่นกัน
– เจ้าหน้าที่บุกจับพระธัมมชโยล้มเหลว ปัจจุบันสถานการณ์อึมครึมหนัก
แม้ชื่อของ พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย (อดีต) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จะเป็นที่รู้จักของสังคมมามากมาย แต่ในปีที่ผ่านมาต้องบอกว่าเรื่องราวตึงเครียดจนกลายเป็นเรื่องระดับประเทศไปอย่างแท้จริง เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้นำกำลังตำรวจ 4 กองร้อย เพื่อเข้าตรวจค้นและจับกุมตัว พระธัมมชโย ภายในวัดพระธรรมกายเป็นครั้งแรก (ปฏิบัติการณ์กบิล 59) เมื่อกลางเดือนมิถุนายน หลังโดนหมายจับในคดีรับของโจรและฟอกเงิน
อย่างไรก็ดี ปฏิบัติการดังกล่าวก็ไม่สำเร็จ เมื่อพระธัมมชโย ยืนยันไม่ยอมเข้ามอบตัว โดยมีวลีเด็ดว่า ต้องรอให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยเท่านั้น ถึงจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ครั้นเมื่อจะบุกค้นก็ไม่สามารถทำได้เมื่อในบริเวณวัดเต็มไปด้วยศิษยานุศิษย์เข้ามาปฏิบัติธรรมท่ามกลางสายฝน ทำให้ต้องล้มเลิกไปพร้อมเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นการไม่ยอมรับกฎหมายของ พระธัมมชโย และลูกศิษย์ รวมถึงความล้มเหลวของเจ้าหน้าที่ในการจับกุมครั้งนั้น
ทั้งนี้การติดตามจับกุมตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีก็ยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งฝั่งตำรวจก็ได้ฟ้องเช่นกันในคดีรุกป่าในพื้นที่หลายจังหวัด โดยตอนนี้ทาง พระธัมมชโย และผู้ที่เกี่ยวข้องต่างมีหลายข้อหาติดตัว และเข้าใกล้เต็มทีสำหรับการบุกจับกุมเป็นครั้งที่สอง แต่ก็น่าจะเป็นปฏิบัติการณ์ที่ยากกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัว ท่ามกลางคำถามที่หลายคนใคร่อยากรู้คำตอบว่า สรุปแล้ว พระธัมมชโย มีอาการอาพาธและยังอยู่ในวัดจริงหรือไม่ ?
– ดราม่าหนักคลิป เบส อรพิมพ์ นักพูดสาวดูถูกคนอีสาน
ในช่วงปลายปีนี้หลายคนคงได้รู้จักกับ นางสาวอรพิมพ์ รักษาผล หรือ เบส นักพูดสาวที่ได้รับการชื่นชมเกี่ยวกับการพูดเรื่องพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งก็มีเหตุการณ์ที่เธอไม่ได้วีซ่าไปพูดเรื่อง ในหลวง ร.9 ให้คนไทยที่สหรัฐฯ ได้ฟัง โดย เบส คาดว่าสาเหตุที่ยื่นไม่ผ่านเป็นเพราะเธอมีสถานะการทำงานที่ไม่ใช่งานประจำและยังมีปัญหาเรื่องเครดิตบูโรจากการยกเลิกกิจการเมื่อหลายปีก่อน และก็มีทั้งผู้ที่เห็นใจ กับผู้ที่ไม่เห็นด้วยในการอ้างชื่อในหลวงกับเรื่องระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ดีเรื่องราวข้างต้นดูจะเบาลงไปทันที หลังมีผู้เปิดเผยคลิปที่เธอพูดพาดพิงชาวอีสานว่าลืมในหลวง ในท่อนหนึ่งระหว่างการพูดสร้างแรงบันดาลใจในช่วงต้นปี ส่งผลให้ผู้คนที่ได้รับชมรู้สึกไม่พอใจ โดยเฉพาะประชาชนในภาคอีสานซึ่งถูกพาดพิง จนเธอโดนต่อว่าอย่างหนักในโลกออนไลน์ ลุกลามมาถึงงานบางแห่งก็ยกเลิกจ้าง ก่อนที่ภายหลังเธอจะออกมาขอโทษเกี่ยวกับเรื่องนี้ พร้อมอธิบายว่าไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น
นอกจากกระแสตำหนิพฤติกรรมจากคลิปพูดของ เบส แล้ว ยังมีผู้ออกมาเปิดเผยว่าเธอเรียกค่าจ้างในการพูดสูงถึงชั่วโมงละ 30,000 บาท นอกจากนี้ยังมีภาพว่าทหารก็เคยจ้าง เบส ไปบรรยายมาแล้วเช่นกัน ร้อนถึง โฆษก คสช. ต้องออกมาแก้ข่าวว่า เบส ไม่ใช่คนของกองทัพตามข่าว ทั้งนี้หลังเรื่องวุ่นวายดังกล่าวเธอก็ได้วีซ่าบินไปพูดที่สหรัฐฯ ตามที่ตั้งใจเอาไว้ และเตรียมจะฟ้องสำหรับผู้ที่บิดเบือนเธอในช่วงที่ผ่านมา
– น้ำส้ม โซมี่ เน็ตไอดอลสาวสติหลุดขับบีเอ็มชนรถชาวบ้าน 9 คันรวด
ปัจจุบันมีเน็ตไอดอลมากหน้าหลายตาที่กลายมาเป็นที่รู้จักในวงกว้างของสังคม แต่กรณีของ นางสาวกฤตรฎ ทับทิมผล หรือ “น้ำส้มโซมี่” จัดว่าฮือฮาอันดับต้น ๆ ในรอบปีที่ผ่านมา หากแต่ไม่ใช่การชื่นชมในเรื่องรูปร่างหน้าตาหรือความสามารถ แต่เป็นการที่สังคมสงสัยว่าเธอเป็นอะไรกันแน่ถึงก่อเหตุซิ่งบีเอ็มสุดหรูไปชนรถของชาวบ้านจนพังยับถึง 9 คัน พร้อมกับยังแสดงอาการท่าทางที่ดูไม่ปกติหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะหลังเกิดเหตุ หรือตอนถูกพาไปโรงพักก็ตาม
เมื่อค้นในรถบีเอ็มคันดังกล่าวพบว่าเธอมียาลดความเครียดและบัตรผู้ป่วยทางจิต ซึ่งทางญาติและเพื่อนก็ยอมรับว่าเธอมีปัญหาส่วนตัวจนเกิดความเครียดจริง ๆ ในช่วงนั้น ทั้งนี้จากอาการของ น้ำส้ม ในคลิปที่โลกออนไลน์เผยแพร่ออกไป หลายฝ่ายต่างเดากันว่าน่าจะมีการใช้สารเสพติดเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่ทันที่เจ้าหน้าที่จะพาไปตรวจ ญาติของเธอก็มาชิงตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดราชบุรีทันที
ความวุ่นวายจากเรื่องราวดังกล่าวดูจะไม่จบง่าย ๆ เพราะในเหตุการณ์นี้มีผู้เสียหายมากมายที่ถูกเธอเฉี่ยวชน ซึ่งยังต้องตามเยียวยากันอีกยาว ส่วนในเรื่องคดีความนั้นน้ำส้มโดนไป 4 ข้อหา ไม่ว่าจะเป็น ขับรถโดยประมาท ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น รวมถึงมีสารแอมเฟตามีนในร่างกาย แต่เธอก็ยอมรับแค่คดีเดียวคือ ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งก็ต้องสู้คดีกันต่อไป
– คดีการ์ดรุมกระทืบลูกนายพลสาหัสหลังขอเข้าห้องน้ำ – บอล แฟน อุ้ม ลักขณา มีเอี่ยว
อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สังคมไทยสนใจว่าจุดจบของคดีนี้จะเป็นเช่นไร ได้แก่คดี นายอิศราชนุวัฒภ์ วรรคาวิสันต์ หรือ เจมส์บอนด์ นักศึกษามหาวิทยาลัยพายัพ ถูกการ์ดของร้านมาลินสกาย ใน จ.เชียงใหม่ รุมทำร้ายจนอาการสาหัส ซึ่งในวันดังกล่าวก็ปรากฏภาพกลุ่มดาราหลายคนเข้าไปนั่งดื่มกินที่ร้านนั้นด้วย ไม่ว่าจะเป็น อุ้ม ลักขณา – บอล กฤษณะ แฟนหนุ่ม, แต้ว ณฐพร, มิว นิษฐา และ หมาก ปริญ
เหตุการณ์ในวันดังกล่าวเกิดขึ้นหลัง เจมส์บอนด์ อยากเข้าห้องน้ำแต่ถูกการ์ดห้ามเอาไว้โดยอ้างว่ามีดาราเข้าอยู่ ก่อนที่จะพูดจาแนะนำไปว่าดาราไม่ควรมีอภิสิทธิ์แบบนี้ แต่ก็กลับถูกการ์ด 4 คน มารุมกระทืบ แต่ขณะที่ทาง เจมส์บอนด์ โดนทำร้าย เขาได้คุยกับแม่ในโทรศัพท์อยู่ด้วย ทำให้ทั้งคู่สามารถยืนยันได้ว่าเรื่องนี้มีคนสั่งการ จากประโยคที่ตะโกนว่าไม่กลัวใคร และเป็นแฟนดารา ก่อนที่จะมั่นใจว่าคนพูดคือ บอล กฤษณะ นอกจากนี้เรื่องราวยังน่าสนใจมากขึ้นเมื่อฝั่ง เจมส์บอนด์ ก็เป็นลูกของทหารยศใหญ่อย่าง พล.ต. วิทยา วรรคาวิสันต์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 เลยทีเดียว
ทั้งนี้ในเรื่องการดำเนินคดีดูเหมือนก็ไม่ได้คืบหน้าไปเท่าที่ควร เพราะหลาย ๆ อย่างไม่ชัดเจน โดยกล้องวงจรปิดในร้านก็โดนถอดออกไปเพราะอ้างว่าเสีย จนมีกระแสว่าตำรวจบางส่วนมีส่วนเอี่ยวด้วย ตามมาซึ่งการสั่งเด้งตำรวจ สภ.ช้างเผือก ที่รับผิดชอบคดีไปแล้วหลายนาย ขณะที่โลกออนไลน์ก็มีการสืบหาประวัติของ บอล ที่มีใจความว่าก้าวขึ้นมาอยู่ในจุดนี้แบบไม่ขาวสะอาดนัก โดยเจ้าตัวและพวกอีกสามคนโดนข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่น แต่ก็ได้มีการประกันตัวออกไป และยังคงต้องติดตามต่อว่าเรื่องนี้จะจบเช่นไร
– บทสรุปคดีสังหาร เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ คนสั่งฆ่าคือ หมอนิ่ม ไม่พ้นโทษประหาร
ส่งท้ายปีด้วยคดีดังที่คนไทยติดตามให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง คือการสังหาร เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักยิงปืนทีมชาติไทย ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2556 เมื่อศาลได้ตัดสินประหารชีวิต หมอนิ่ม และยกฟ้องมารดาหมอนิ่ม ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องอย่าง ทนายอี๊ด ซึ่งจัดหามือปืน ตัวมือปืน และผู้ขี่จักรยานยนต์ ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต
อย่างที่ทราบดีว่าปมปัญหาดังกล่าวมาจากเรื่องภายในครอบครัว ซึ่งทาง เอ็กซ์ และ หมอนิ่ม มีปากเสียงกันเป็นประจำ หนักจนถึงฝ่ายสามีเคยลงมือทำร้าย ทำให้ญาติผู้ใหญ่หมอนิ่มไม่พอใจมานาน นอกจากนี้ยังมีความคลุมเครือเรื่องของทรัพย์สินของ เอ็กซ์ ที่ทางฝั่งหมอนิ่มเคยปลอมหนังสือมอบอำนาจไปเอาจากตู้เซฟที่ฝากธนาคารไว้เป็นมูลค่า 60 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ เอ็กซ์ ไม่พอใจทางผู้ใหญ่ของภรรยา เพราะมองว่าเป็นฝ่ายยุแยง รวมถึงหวาดระแวงมากนับตั้งแต่ออกจากเรือนจำ แต่สุดท้ายกลายเป็นว่า เอ็กซ์ เป็นผู้ที่โดนลอบสังหารเสียเอง ซึ่งในวันเกิดเหตุเมื่อ หมอนิ่ม ทราบเรื่องก็ไปถึงที่เกิดเหตุภายใน 5 นาทีและได้มีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้สามี ก่อนจะไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
และในงานศพของ เอ็กซ์ ปรากฏภาพ หมอนิ่ม ในกิริยาเศร้าโศกและร้องไห้เสียใจ จนเป็นที่สะเทือนอารมณ์แก่ผู้ได้พบเห็น ซึ่งการสืบสวนตอนแรกดูเหมือนว่า นางสุรางค์ ดวงจินดา แม่ของหมอนิ่ม จะเป็นคนสั่งฆ่า เพราะได้รับสารภาพว่าอยากปกป้องลูกสาวที่โดนทำร้ายบ่อยและหนักสุดจนถึงขั้นแท้งลูก แต่สุดท้าย เรื่องราวจริง ๆ กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อศาลได้ตัดสินประหารชีวิต หมอนิ่ม โดยยกฟ้องแม่ ทำให้เจ้าตัวถูกสังคมตั้งคำถามอย่างหนักในเรื่องพฤติกรรม ไม่ว่าจะเป็นการไปช่วยเอ็กซ์วันโดนยิง หรือร้องไห้แทบขาดใจในงานศพ แต่สุดท้ายกลับพบว่าเธอเป็นคนสั่งฆ่าด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ดีแม้จะโดนโทษประหาร แต่ศาลก็ให้หมอนิ่มประกันตัวชั่วคราวเพราะไม่มีพฤติการณ์หลบหนีจนตามมาซึ่งเสียงวิจารณ์พอสมควร เนื่องจากสังคมไม่เคยเห็นกรณีแบบนี้มาก่อน แต่ถ้ามองในแง่ดีนี่เท่ากับเป็นการยืดเวลาให้ลูกทั้ง 2 คน ได้อยู่กับแม่นานขึ้น ก่อนที่จะสูญเสียผู้ให้กำเนิดทั้งคู่ไปตลอดกาล
Cr: Kapook