(2 มี.ค.66 )เมื่อเวลา 13.15 ที่สำนักพระราชวัง สนามหลวง
นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีตสมาชิกวุฒิสภา และนายธรรมยุทธ สุทธิวิชา อดีตประธานสหภาพการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ร่วมกัน
ยื่นถวายฎีกาผ่านสำนักพระราชวังขอพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดคุ้มครอง โดยขอคัดค้านการแยกศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าเป็นนิติบุคคลใหม่ให้พ้นจาก กฟผ. และขอให้ กฟผ. ผลิตกระแสไฟฟ้าไม่ต่ำกว่าร้อยละ 51 ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ความว่า
ขอเดชะ ฝ่าละลองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ข้าพระพุทธเจ้านายวัชระ เพชรทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์กับพวกขอถวายฎีกา ขอพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดคุ้มครอง
1.คัดค้านนโยบายของกระทรวงพลังงาน คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน สำนักนโยบายและแผนพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทบทวนมติและนโยบายการแยกศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าเป็นนิติบุคคลใหม่และให้พ้นจาก กฟผ. เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและภาษีอากรของพี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด
2.ขอให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ผลิตกระแสไฟฟ้าไม่ต่ำกว่าร้อยละ 51 ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ไม่ต้องซื้อไฟฟ้าจากเอกชนเพราะปัจจุบันกำลังการผลิตของ กฟผ. ถูกลดเหลือเพียงร้อยละ 31 ทำให้ค่าไฟฟ้าแพงทั้งประเทศ สร้างความทุกข์ยากและลำบากกับพสกนิกรทุกหย่อมหญ้าเพราะขุนนางกังฉิน
3.ขอให้ปลัดกระทรวงพลังงานสั่งการให้ผลิตน้ำมันไบโอดีเซล บี-20 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์มดังที่เคยมีการผลิตแล้วทำให้ราคาปาล์มเพิ่มขึ้นถึงกิโลกรัมละ 12 บาท
4.ขอให้รถไฟทุกขบวนวิ่งถึงสถานีรถไฟหัวลำโพงตามพระราชปณิธานของรัชกาลที่ 5 ให้คงอยู่ต่อไปเพราะปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทยได้สั่งการรถไฟทั้งสายเหนือ สายใต้ สายตะวันออกเฉียงเหนือทุกขบวนให้หยุดเดินรถแค่เพียงสถานีกลางบางซื่อเท่านั้น สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทั้งแผ่นดิน
จึงขอถวายบังคมถวายฎีการ้องทุกข์ต่อพระเจ้าแผ่นดินมา ณ บัดนี้