วันที่ 24 ก.พ.66 เวลา 10.30 น. ที่ ณ ห้องประชุมชั้น 1 บก.สปพ. : พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สปพ. พร้อมพ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี, พ.ต.อ.ชัยกฤต โพธิ์อ๊ะ,พ.ต.อ.ทิวา โสภาเจริญ,พ.ต.อ.โรจนินทร์ ทองใบ,พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล,พ.ต.อ.วรศักดิ์ พิสิษฐบรรณการ และ พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ รอง ผบก.สปพ.
กองกำกับการสายตรวจ โดย พ.ต.อ.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ผกก.สายตรวจ,พ.ต.ท.โชติช่วง รัศมี,พ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร,พ.ต.ท.อธิบดี เสริมสุข,พ.ต.ท.วสุเทพ ใจอินทร์ รอง ผกก.สายตรวจ และ พ.ต.ท.ไพบูลย์ สอโส สว.งานสายตรวจ 1 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมคดีสำคัญๆ 2 คดี ดังนี้
คดีที่ 1 “191 ทลายโรงงาน ผสมกาแฟเคตามีน ส่งลูกค้าสายปาร์ตี้” : เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 เวลาประมาณ 04.50 น.
จ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. ชุดจับกุม สืบสวนขยายผล เข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมของกลาง แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 1 ราย คือนายชณาธิป หรือตุ้ย สงวนนามสกุล อายุ 32 ปี พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาอี) รวมจำนวนประมาณ 5,000 เม็ด,วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) รวมน้ำหนักประมาณ 700 กรัม,วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท2 (เคตามีน) ผสม ผงกาแฟสำเร็จรูป ประมาณ 600 ซอง ,วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท2 (เคตามีน) ผสม ผงคอลลาเจน ประมาณ 120 ซอง,เครื่องปั่นผงละเอียด,เครื่องซีลสูญญากาศ,เครื่องชั่งตวง ดิจิตอล,ตาชั่ง ดิจิตอล และอุปกรณ์แบ่งบรรจุจำนวนมาก,ผงคอลลาเจน สำเร็จรูป และซองเปล่าคอลลาเจน เพื่อเตรียมนำมาผสมกับเคตามีน จำนวนมาก,อาวุธปืนสั้น ขนาด 6.35 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน จำนวน 13 นัด,โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง,รถยนต์ จำนวน 1 คัน,เงินสด จำนวน 180,000 บาท และทรัพย์สินจำนวนหลายรายการ
โดยแจ้งข้อกล่าวหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,ผลิตวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท
ประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต,มีวัตถุออกฤทธิ์
ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
และได้ทำการตรวจยึดของกลางไว้ทั้งหมด แล้วนำตัวผู้ต้องหาและของกลางมาที่ กองกำกับการสายตรวจ
191 เพื่อทำบันทึกตรวจค้น/ตรวจยึด และขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
คดีที่ 2 “191 จับเด็กช่าง ย่านมีนบุรี จำหน่ายอาวุธปืนออนไลน์” : เมื่อวันที่ 23 ก.พ.66 เวลา 08.30 น.งานสายตรวจ 1 กก.สายตรวจ บก.สปพ. ตรวจค้นพบ อาวุธปืนแปลง 5 กระบอก,อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก,อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ (ปืนปากกา) 1 กระบอก,กระสุนรวม 17 นัด
ได้จับกุมตัว จับกุมผู้ต้องหา คือนายธนวัฒน์ หรือบังนัด ขอสงวนนามสกุล อายุ 17 ปี ตรวจยึด ภายในบ้านเลขที่ 77 ซ.รามคำแหง 182 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ โดยต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
สืบเนื่องมาจากปัญหาเหตุความขัดแย้งระหว่างสถาบัน ในพื้นที่ของกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 โดยชุดสืบสวนงานสายตรวจ 1 กก.สายตรวจ จึงได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์อาชญากรรม และได้สืบสวนจนทราบว่ามีนักเรียนช่างกล สถานบันอาชีวะย่านมีนบุรี มีพฤติกรรมลักลอบดัดแปลงอาวุธปืนและจำหน่ายอาวุธปืน ผ่านโซเชียลมีเดีย คือ ทวิตเตอร์,เฟสบุ๊คและกลุ่มไลน์ ซึ่งอาวุธปืนเหล่านี้ อาจนำมาใช้ในการก่อเหตุหรือมีความเกี่ยวข้องกับเหตุความรุนแรงความขัดแย้งระหว่างสถาบันที่เกิดขึ้น จึงได้สืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อทำการขอหมายค้น ต่อมาศาลได้อนุมัติหมายค้น ศาลอาญามีนบุรี เลขที่ 73/2566 ลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 เข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 77 ซ.รามคำแหง 182 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ จากการตรวจค้น พบนายธนวัฒน์ฯ พร้อมของกลาง อาวุธปืนดัดแปลง จำนวน 5 กระบอก อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน จำนวน 17 นัด เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยวิธีการจะซื้ออาวุธปืนแบลงค์กัน บีบีกัน ในราคากระบอกละ 4,000–5,000 บาท นำมาแปลงให้สามารถใช้กับกระสุนจริงได้ และโพสต์ขายอาวุธปืนผ่านโซเชียลมีเดีย ในราคากระบอก 10,000–15,000 บาท เพื่อเอากำไรอีกต่อหนึ่ง มีรายได้ต่อเดือนๆละ 40,000 ถึง 50,000 บาท โดยทำมาแล้วประมาณ 5 ปี จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
หากประชาชนท่านใด พบเห็น หรือมีเบาะแส เกี่ยวกับการกระทำความผิดหรือสิ่งของผิดกฎหมาย หรือพบการมั่วสุม สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือโทรศัพท์สายด่วน 191
ที่มา : กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191)
191 “ที่พึ่งแรก” ของประชาชน
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน