(2 ก.พ.66)นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รับร้องเรียนจากชาวหมู่บ้านพฤกษชาติ หมู่บ้านเค ซี เลควิล หมู่บ้านกัลปพฤกษ์ และในละแวกใกล้เคียงในเขตสะพานสูง กทม.ว่า ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากหน่วยงานภาครัฐที่ปล่อยปละละเลยไม่ประกาศเป็นพื้นที่สาธารณะหลังการออกใบอนุญาตให้ถมที่ดินในบึงน้ำหรือทะเลสาบที่เชื่อมต่อกับคลองสาธารณะ
หลังรับทราบเรื่องนายวัชระได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและกล่าวว่า
วันนี้ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านหมู่บ้าน เคพี เลควิว หมู่บ้านชัยพฤกษ์ เขตสะพานสูง ซึ่งปรากฏมีกรณีพิพาทมีเอกชนมาถมดินในบึงน้ำสาธารณะซึ่งประชาชนได้ใช้มายาวนานกว่า 40-50 ปี ที่ผ่านมา และในขณะนี้สำนักงานเขตสะพานสูงได้อนุมัติให้สร้างสะพานเหล็กเพื่อนำรถบรรทุกดินมาถมในบึงน้ำสาธารณะ จึงเห็นว่าเรื่องนี้ผู้ว่าฯกทม.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ควรสั่งระงับการถมดินเพื่อรอการตัดสินจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเสียก่อน ไม่ควรดำเนินการถมดินในบึงน้ำสาธารณะ ทำให้กระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนที่อยู่ในย่านนี้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้น น่าจะเข้าข่ายขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญเพราะเป็นโครงการที่กระทบต่อสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนในเขตสะพานสูง ขอให้พิจารณาเพื่อหยุดยั้งในเรื่องนี้เป็นการด่วน
ด้านผู้ได้รับผลกระทบเดือดร้อนจากเรื่องนี้ ดร.เทพสิทฐิ์ ประวาหะนาวิน นายกริช ทอมมัส นายเดชาชัย สุขีรัตน์ นายคณิต โสทรขจรกิจ แกนนำชาวเมือง หมู่บ้านพฤกษาชาติ หมู่บ้านเค ซี เลควิล และหมู่บ้านกัลปพฤกษ์กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบบึงน้ำสาธารณะ
ร่วมกันเปิดเผยว่า บึงน้ำนี้มีพื้นที่กว่า 70 ไร่ ความลึกอยู่ที่ 20-30 เมตร มีปริมาณน้ำกว่า 3 ล้านคิว ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์มากว่า 40 ปี บางครอบครัวใช้บึงน้ำนี้เป็นวิถีชีวิตจับสัตว์น้ำเพื่อยังชีพ โดยไม่มีผู้ใดอ้างตนเองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว หรือหากมีเจ้าของกรรมสิทธิ์จริง ก็ต้องสูญเสียความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินนี้อยู่ดี เพราะทอดทิ้งที่ดินนี้มานานหลายสิบปี ประกอบกับบึงน้ำนี้กับคลองวังใหญ่ซึ่งเป็นคลองน้ำสาธารณะก็เป็นท้องน้ำเดียวกันมานานจนไม่สามารถแบ่งแยกได้ หลังจากนี้ชาวบ้านจะได้รวมตัวกันเคลื่อนไหวเพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาบุกรุกและอ้างตนเองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินนี้ ซึ่งทีมกฎหมายที่ปรึกษาของคณะที่รณรงค์ออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ พบว่ามีโฉนดที่ดินอยู่ 4 แปลง เลขที่2267,2268,26871(5427)และ5424
ทางด้านนายคณิต โสทรขจรกิจ อายุ 74 ปี เปิดเผยว่า อยู่กับบึงน้ำนี้มากว่า 40 ปี ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ได้อาศัยบึงน้ำนี้เป็นแหล่งเลี้ยงชีพท่ามกลางสังคมเมือง ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เห็นมีใครมาอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินนี้เลย เมื่อคราวเกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 กับปี 2565 บึงน้ำแห่งนี้ได้ช่วยชาวบ้านหลายหมื่นคนจากหลายหมู่บ้านฯรอดพ้นจากน้ำท่วม เพราะบึงแห่งนี้เป็นพื้นที่รับน้ำเอาไว้
จากการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบบึงน้ำ ขณะนี้มีการถมดินปิดกั้นการเชื่อมต่อระหว่างบึงน้ำกับคลองวังใหญ่ทำให้มีน้ำขังเน่าเสีย และมีสิ่งที่น่าสงสัยคือเหตุใดฝ่ายโยธา สำนักงานเขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร จึงอนุมัติให้สร้างสะพานเหล็กข้ามคลองวังใหญ่มาเพียงครึ่งเดียวมีวัตถุประสงค์อะไร หรือจะช่วยอำนวยความสะดวกให้เจ้าของที่ดินขนดินเข้ามาในที่ดินบึงน้ำนี้ ทั้งๆที่ระบุในโฉนดที่ดินแปรสภาพเป็นบึงน้ำมา 40 กว่าปี และไม่มีถนนทางออกสู่ถนนสาธารณะแต่อย่างใด ดังนั้น จึงต้องหาคำตอบให้ได้ว่าการสร้างสะพานเหล็กเพื่อต้องการช่วยให้การขนดินจากอีกฝั่งคลองคือฝั่งถนนกรุงเทพกรีฑาสายใหม่ทำได้อย่างสะดวกใช่หรือไม่