คณะรัฐมนตรีแห่งประเทศญี่ปุ่นเห็นชอบการเปลี่ยนแปลงการตีความรัฐธรรมนูญ เพื่อเพิ่มบทบาทของ
กองกำลังป้องกันตนเองของประเทศ ที่ถูกจำกัดให้ใช้ในกรณีป้องกันตนเองมาตลอดตั้งแต่สงครามโลก
ครั้งที่ 2…
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 1 ก.ค. ว่า คณะรัฐมนตรีแห่งประเทศญี่ปุ่นเห็นชอบการเปลี่ยนแปลง
การตีความรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประเทศสามารถใช้สิทธิ์ของตัวเองในการป้องกันตนเองร่วมกัน ปูทางสู่
การมีส่วนร่วมในปฏิบัติการทางทหารในต่างประเทศ นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของนโยบาย
ความมั่นคงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ของญี่ปุ่น ซึ่งห้ามไม่ให้ญี่ปุ่นใช้กำลังในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง
นอกจากการป้องกันตนเองเท่านั้น
ในการประชุมนัดพิเศษเมื่อวันอังคาร ครม.ญี่ปุ่นเห็นชอบสิ่งที่เรียกว่า ‘มติคณะรัฐมนตรีเรื่องการพัฒนา
กฎหมายความมั่นคงอย่างไร้ขอบเขตเพื่อรับประกันความอยู่รอดของญี่ปุ่นและปกป้องประชาชนของประเทศ’
ครม.ญี่ปุ่นระบุว่า จนกว่าการตีความรัฐธรรมนูญอีกครั้งจะเกิดขึ้น รัฐบาลจะได้รับอนุญาตเพียงใช้
กำลังตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธต่อญี่ปุ่นเท่านั้น แต่สภาพแวดล้อมความมั่นคงโดยรอบญี่ปุ่น
เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แม้แต่การโจมตีด้วยอาวุธในต่างประเทศก็อาจเป็นภัยคุกคามต่อความ
อยู่รอดของญี่ปุ่น โดยขึ้นอยู่กับจุดประสงค์, ขนาดและวิธีการ
รัฐบาลจึงได้ข้อสรุปว่าควรตีความรัฐธรรมนูญ ให้อนุญาตใช้กำลังเท่าที่จำเป็นเพื่อการป้องกันตนเอง
ภายใต้เงื่อนไขที่แน่นอน รวมถึงช่วยเหนือทางทหารแก่ชาติพันธมิตรหากถูกโจมตีโดยศัตรูร่วม
และการกำจัดอันตรายที่คุกคามความอยู่รอดของญี่ปุ่น แต่การใช้กำลังต้องรับประกันการควบคุม
โดยพลเรือน หรือให้ความรับผิดชอบสูงสุดในด้านการตัดสินใจอยู่ในมือของผู้นำทางการเมือง
ที่เป็นพลเรือน และต้องได้รับอนุมัติจากสภานิติบัญญัติก่อนจะมีคำสั่งให้กองกำลังป้องกันตนเอง
ของญี่ปุ่นเคลื่อนไหว
ด้านนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ กล่าวว่าการป้องกันตนเองร่วมกันจะถูกใช้โดยใช้กำลังน้อยที่สุด
และจำกัดเฉพาะกรณีที่ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว และมติของคณะรัฐมนตรีไม่ได้เปลี่ยนแปลง
ทัศนคติพื้นฐานของการตีความรัฐธรรมนูญฉบับหลังสงครามโลก นายอาเบะยืนยันด้วยว่า กองกำลัง
ป้องกันตนเองของญี่ปุ่นจะไม่เข้าร่วมในสถานการณ์ความขัดแย้งเช่นเหตุการณ์ในอิรักและซีเรีย
ทั้งนี้ ในอดีตรัฐบาลญี่ปุ่นใต่างยืนยันสิทธิ์ของประเทศเรื่องการป้องกันตนเองร่วมกัน แต่การตีความ
รัฐธรรมนูญหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ของญี่ปุ่นที่ผ่านมา กำหนดว่าญี่ปุ่นไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิ์นั้น