ไทยออยล์ เผย น้ำมันดิบตกหลัง FED ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% และ Stock น้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่ โอกลาโฮม่าปรับเพิ่ม
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) รายงานสถานการณ์น้ำมันปิดตลาดประจำวันที่ 14 ธ.ค. 2559 น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับลดลง 1.94 เหรียญ มาอยู่ที่ 51.04 เหรียญ ส่วน น้ำมันดิบเบรนท์ ปรับลดลง 1.82 เหรียญ มาอยู่ที่ 53.9 เหรียญ โดยน้ำมันดิบปรับตัวลดลงหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% สู่ระดับ 0.50-0.75% นับเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่สองในรอบปี และคาดการณ์ว่าจะเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2560 อีกราว 3 ครั้ง เพื่อชดเชยความเสี่ยงเรื่องอัตราเงินเฟ้อ หากมีการใช้นโยบายทางเศรษฐกิจของ นาย Donald Trump ภายในประเทศ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยส่งผลให้เงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ แข็งค่า และราคาน้ำมันดิบที่ซื้อขายด้วยสกุลเงินนี้ดูมีราคาแพงต่อผู้ค้าและนักลงทุนที่ใช้สกุลเงินอื่นเป็นสกุลเงินหลัก
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เผยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 9 ธ.ค. ลดลงราว 2.6 ล้านบาร์เรลมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบคุชชิ่งโอกลาโฮม่า กลับเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล เป็นการปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งที่ 6 ในรอบ 7 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้านกลุ่มประเทศโอเปก (OPEC) คาดอุปทานน้ำมันดิบปี 2017 จะปรับเพิ่มหากการปฏิบัติตามข้อตกลงว่าด้วยเรื่องการปรับลดกำลังการผลิตไม่เกิดขึ้นจริงทั้งภายในกลุ่มประเทศโอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปก โดยคาดว่าหากกำลังการผลิตยังอยู่ในระดับคงที่จะมีอุปทานส่วนเกินจากกลุ่มประเทศโอเปก ราว 1.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่รัสเซียออกมาแสดงเจตจำนงที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลง 300,000 บาร์เรลต่อวันสู่ระดับการผลิตที่ 10.95 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในหกเดือนแรกของปี 2560