นายกฯมอบนโยบายงบปี61 เผยในหลวงรัชกาลที่10 ทรงรับสั่งให้น้อมนำและปฏิบัติ ตามศาสตร์พระราชาแห่งพระบรมชนกนาถ ใช้บริหารประเทศ
ที่ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 และการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2560 เพิ่มเติม
ให้แก่ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อเป็นแนวทางการในการจัดทำงบประมาณให้มีความสอดคล้องและเชื่อมโยงกับร่างกรอบยุทธศาสนตร์ 20ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 นโยบายของรัฐบาล ทั้งด้านความมั่นคง วาระการปฎิรูปประเทศ และแผนหลักอื่นๆ โดยน้อมนำหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทาง เน้นการจัดทำงบประมาณ ในลักษณะบูรณาการ ซึ่งในงบปี 2561 มีอยู่ 28เรื่อง
เช่นการพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก การพัฒนาศักยภาพ การผลิตด้านการเกษตร การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ การพัฒนาระบบประกันสุขภาพ บริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และชุมชนเข้มแข็ง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ช่วงนี้มีคนถามว่านายกรัฐมนตรี หายไปไหนไม่ค่อยได้เจอตัว และไม่ได้ยินเสียง แต่ยืนยันว่ายังอยู่ แข็งแรงดี พร้อมจะทำงานอย่างเต็มที่ ตามสติกำลังของตน วันนี้เรากำลังเดินหน้าประเทศทั้งระบบ เพื่อไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งตนคิดว่าไม่น่าจะผิดจากการวางนโยบายไว้ แต่ทั้งหมดต้องอาศัยความร่วมมือ และความเข้าใจที่ตรงกัน จากทุกภาคส่วน ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด จะต้องทำให้เกิดความร่วมมือกันให้ได้โดยเร็ว ไม่คำนึงถึงตัวตน วัฒนธรรมในองค์กรของตัวเองมากเกินไป เรากำลังเดินหน้าไปสู่อนาคตที่สดใสจากศักยภาพที่มีอยู่ ถ้าอนาคตเราสามารถทำให้มีความเชื่อมโยงกันได้ในทุกมิติ ประเทศไทยจะเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้นเราจะต้องมีความฝันร่วมกันให้ได้โดยเร็ว
วันนี้อยากให้ทุกคนมองอนาคตร่วมกัน และทำความเข้าใจกับประชาชนว่าถ้าเรายังคิดแบบเดิม ไม่ยอมคิดนอกกรอบ มันก็คิดอะไรไม่ออก เพราะจะติดปัญหาทุกอย่างทั้งกฎหมาย ระเบียบ กติกา ซึ่งเราจำเป็นต้องปรับปรุงให้ทันสมัยสามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา 2 ปี เราพยายามแก้ปัญหาเหล่านี้ ด้วยการบูรณาการ การเริ่มต้นการทำงานทั้งหมด รวมทั้งการแก้ปัญหา ดังนั้นทุกคนจะต้องสร้างความหวัง สร้างอนาคตร่วมกันให้กับประเทศ ซึ่งประชาชนได้มอบความไว้วางใจ และมุ่งหวังให้มายืนอยู่ตรงนี้ มา 2 ปีกว่า ถือเป็นความไว้วางใจ ไม่ใช่ด้วยอำนาจของตนถึงแม้ว่าอาจจะทำได้ในช่วงระยะเวลาแรก ๆ ก็ตาม
จากนั้นมาก็ต้องอาศัยความยินยอมจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ทำให้เราสามารถยืนอยู่ตรงนี้ได้ ซึ่งต้องขอบคุณ และสิ่งที่จะตอบแทนได้คือการทำตามในสิ่งที่ประชาชนมุ่งหวัง แต่ต้องทำความเข้าใจว่าการจะได้อะไรมาง่าย ๆ นั้นเป็นไปไม่ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจ เราจึงต้องเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นอะไรก็ตาม การเป็นผู้นำที่ดีจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ต้องมีการนำด้วยอำนาจ กฎหมายที่กำหนดไว้ตามระบบราชการ แต่ผู้นำที่ดีที่สุดจะต้องเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง โดยการคิดนอกกรอบ มีวิสัยทัศน์เชิงรุก และนำกลับเข้ามาสู่ในกรอบ
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เราจะเน้นเป้าหมายสำคัญตามที่รัฐบาลวางไว้ ในปีงบประมาณ 2561 การจัดทำงบประมาณมีการพัฒนาไปเรื่อย ๆ วันนี้ระบบงบประมาณของประเทศได้เปลี่ยนไปจากช่วงที่ตนเข้ามา เกิดความคุ้มค่ามีประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อน เกิดการบูรณาการอย่างแท้จริง ดังนั้นการจัดทำงบประมาณปี 2561 ทุกคนจะต้องร่วมกันคิดและวางแผน และนำปัญหาจากงบประมาณปี 2560 มาปรับปรุงพัฒนาแก้ไข และเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น
และต่อยอดจากงบประมาณปีที่ผ่านมา แต่ย่อมมีปัญหาบ้าง ซึ่งเราต้องยอมรับว่าประเทศไทยเรายังมีปัญหาพอสมควร เราต้องทำให้ทุกอย่างเชื่อมโยงกันให้ได้ในทุก ๆ ระบบถึงจะสามารถทำให้ทุกคนมีความสุข ถือเป็นระบบประชาธิปไตยที่ถูกต้องสมบูรณ์ เราจึงจำเป็นต้องพัฒนาให้ครบวงจรทั้งเศรษฐกิจ เกษตร ระบบน้ำ การค้าขายชายแดน ท่องเที่ยวพัฒนาเมือง แก้ปัญหาความขัดแย้งอันเกิดมาจากการพัฒนาเมือง การทุจริตผิดกฎหมาย ผู้มีอิทธิพล จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกในประเทศไทย โดยการน้อมนำศาสตร์พระราชา ซึ่งเป็นศาสตร์ในการบริหารราชการแผ่นดินมาประยุกต์ใช้
“สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ ทรงรับสั่งกับรัฐบาล และรัฐมนตรีบางท่านว่า ขอให้รัฐบาลทำหน้าที่เพื่อให้ประชาชนมีความสุขให้มากที่สุดในรัชกาลปัจจุบัน โดยใช้แนวทางของสมเด็จพระบรมชนกนาถ ซึ่งได้ทรงทำมาตลอด 70 ปีที่ผ่านมา ท่านทรงให้สืบสายต่อในสิ่งเหล่านี้ไม่ให้เสื่อมถอย หรือน้อยลงไปกว่าเดิมที่มีอยู่
ท่านทรงรับสั่งด้วยความห่วงใย ในสิ่งสำคัญหลัก ๆ คือเรื่องของการศึกษา การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การสาธารณสุข การเสริมสร้างอาชีพรายได้ และคุณภาพชีวิต สิ่งสำคัญจะต้องทำให้ประเทศชาติสงบสุข สันติไม่มีความขัดแย้ง ดังนั้นพวกเราทุกคนจะต้องสนองพระราชปณิธานของพระองค์ท่านตามแนวทางของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ โดยใช้ศาสตร์พระราชาของพระบรมชนกนาถ รัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้นกับประชาชน และพวกเรารัฐบาลจะต้องสนองต่อสิ่งที่พระองค์ทรงรับสั่งไว้
และแนวทางของยุทธศาสตร์ชาติที่จะทำให้ประเทศมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงมีรับสั่งไว้วางการพัฒนาประเทศไทยจำเป็นต้องมีการพัฒนาคู่ขนานกัน ไม่ใช่พัฒนาโดยใช้แนวทางตะวันเพียงอย่างเดียว จะต้องใช่ของตะวันออกควบคู่ไปด้วย เพราะแบบตะวันตกอาจทำให้ทุกอย่างพัฒนาเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่อาจจะไม่ยั่งยืน จนเกิดผลกระทบและความเสี่ยงต่าง ๆ การพัฒนาแบบตะวันออกอาจจะช้าแต่มีความมั่นคงมากกว่า
หากเราสร้างความเข้มแข็งระดับฐานรากได้ ก็จะเติบโตไปอย่างมั่นคง ในเรื่องของงบประมาณถือเป็นปัญหาหนึ่งที่สำคัญในการบริหารประเทศ ทั้งการจัดสรร และการใช้จ่าย เราจึงจำเป็นต้องใช่ศาสตร์พระราชา เศรษฐกิจพอเพียง และการบริหารประเทศตะวันตก และตะวันออก คู่ขนานไปด้วยกัน เป็น 3 ห่วง 2 เงื่อนไข การใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกันที่ดี” นายกฯ กล่าว