เวปไซด์ราชกิจจานุเษกษา ได้เผยแพร่คำสั่ง คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗๑/๒๕๕๙ เรื่อง การยกเลิกกฎหมายว่าด้วยสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กฎหมายว่าด้วยสภาพัฒนาการเมือง และกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ตามที่ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๐๗/๒๕๕๗ เรื่อง ให้สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสิ้นสุดลง ลงวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ กำหนดให้สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในวันก่อนวันที่ประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติใช้บังคับสิ้นสุดลง และให้การดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติยุติลงจนกว่าบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายอื่นใดจะกำหนดไว้เป็นประการอื่น และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๐/๒๕๕๘ เรื่อง ระงับการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อเสนอชื่อเป็นกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ลงวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘
กำหนดให้ระงับการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อเสนอชื่อเป็นกรรมการปฏิรูปกฎหมายตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๓ ไปจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น อีกทั้งต่อมายังปรากฏว่ามีสมาชิกสภาพัฒนาการเมืองบางส่วนได้พ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุครบวาระ ทำให้ต้องมีการสรรหาสมาชิกสภาพัฒนาการเมืองแทนตำแหน่งที่ว่างลง ตามพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยที่องค์กรดังกล่าวได้ชะลอการดำเนินการมาแล้วระยะหนึ่ง บัดนี้สมควรกำหนดทิศทาง การดำเนินการต่อไปให้ชัดเจนตามข้อเท็จจริงที่ว่าขณะนี้อยู่ในช่วงการดำเนินการเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ การปฏิรูปประเทศ และการประกาศใช้บังคับของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งต่อไปจะต้องดำเนินการจัดตั้งองค์กรขึ้นใหม่ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับองค์กรดังกล่าวเพื่อรับผิดชอบดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ ซึ่งรวมถึงงานด้านการพัฒนาการเมือง การปฏิรูปกฎหมาย การให้คำปรึกษาทางเศรษฐกิจและสังคม ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ด้านต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ซ้ำซ้อนกัน และผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถทำงานตลอดจนบริหาร จัดการด้านบุคลากร งบประมาณ ทรัพย์สิน อาคาร สถานที่ อำนาจหน้าที่ และด้านอื่น ๆ ได้อย่างประหยัด และสอดคล้องกัน เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปและการบริหารราชการแผ่นดิน จึงเห็นเป็นการสมควร ให้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กรดังกล่าวเป็นอันยกเลิกไปจนกว่าจะมีกฎหมายอื่นใดบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น หรือนายกรัฐมนตรี หรือหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๐๗/๒๕๕๗ เรื่อง ให้สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสิ้นสุดลง ลงวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๐/๒๕๕๘ เรื่อง ระงับการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อเสนอชื่อเป็นกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ลงวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ ข้อ ๒ ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๓ และพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๗ ยกเว้นมาตรา ๒๗ และมาตรา ๒๗/๒ ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะมีกฎหมายอื่นใดบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น หรือนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ข้อ ๓ ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๑ ยกเว้นหมวด ๓ สำนักงานสภาพัฒนาการเมือง และหมวด ๔ กองทุนพัฒนาการเมืองภาคพลเมือง ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะมีกฎหมายอื่นใดบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นหรือนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ให้คณะกรรมการบริหารสำนักงานสภาพัฒนาการเมือง และคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการเมืองภาคพลเมือง พ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ และให้บรรดาอำนาจ หน้าที่ของคณะกรรมการบริหารสำนักงานสภาพัฒนาการเมืองและคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการเมืองภาคพลเมือง เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีหรือผู้ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย ข้อ ๔ ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๓ ยกเว้นหมวด ๓ สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะมีกฎหมายอื่นใดบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นหรือนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๕ ให้สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาพัฒนาการเมือง และสำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป และให้อยู่ภายใต้การควบคุมดูแล ของนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย โดยนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีอาจมอบหมายให้ไปช่วยปฏิบัติงานในองค์กรอื่นได้ ในระหว่างยังไม่มีกฎหมายหรือคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือนายกรัฐมนตรี กำหนดให้สำนักงานตามวรรคหนึ่งโอนหรือไปเป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดหน่วยงานอื่นใด ให้บรรดาผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และเงินงบประมาณของสำนักงานดังกล่าวที่มีอยู่ในวันก่อนวันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับยังคงเป็นของสำนักงานนั้น ๆ ทั้งนี้ ให้การบริหารงานบุคคล การเบิกจ่ายและใช้งบประมาณกระทำได้เท่าที่จำเป็น ในกรณีที่การสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่หรือการปฏิบัติหน้าที่อื่นใดของสำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายตามข้อ ๓ ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๐/๒๕๕๘ เรื่อง ระงับการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อเสนอชื่อเป็นกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ลงวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ ยังอยู่ในระหว่างดำเนินการในวันก่อนวันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ ให้ยังคงดำเนินการต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ
ข้อ ๖ บรรดาบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีใดที่อ้างถึงประธานสภาตามพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๓ ประธานสภาตามพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๑ หรือประธานกรรมการ ตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๓ ให้ถือว่าอ้างถึงนายกรัฐมนตรีแล้วแต่กรณี บรรดาระเบียบหรือประกาศเกี่ยวกับการบริหารงานทั่วไป การบริหารงานบุคคล การงบประมาณการเงินและทรัพย์สิน การรักษาการแทนและการปฏิบัติการแทน การกำหนดอัตราเงินเดือนและค่าตอบแทนสวัสดิการหรือการสงเคราะห์อื่น และการดำเนินการอื่นของสำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสำนักงานสภาพัฒนาการเมือง และสำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่คำสั่งนี้ใช้บังคับ ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปจนกว่าจะได้มีกฎระเบียบบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นหรือนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ข้อ ๗ ในกรณีเห็นสมควรนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีอาจเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งนี้ได้ ข้อ ๘ คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ ๑๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ