กัมพูชาปฏิเสธอย่างหนักว่า สนับสนุนแผนของญี่ปุ่นที่จะปรับบทบาททางทหารของประเทศ
ตามคำแถลงที่เผยแพร่โดยกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ในวันนี้
“โฆษกกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ ประสงค์ที่จะปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อการนำ
เสนอข่าวเมื่อไม่นานนี้ ของสำนักข่าวเกียวโด และสำนักข่าวเวียดนามนิวส์ ที่ได้อ้างอย่างผิดพลาดในคำกล่าว
ของฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา หลังการหารืออย่าง
เป็นทางการกับ ฟุมิโอะ คิชิดะ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.” คำแถลง
อย่างเป็นทางการที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของกระทรวง ระบุ
“ระหว่างการหารือ และแถลงข่าวร่วมกัน รองนายกรัฐมนตรีฮอร์ นัมฮง ไม่ได้อ้างถึงกองกำลัง
ป้องกันตนเอง หรือสิทธิในการป้องกันตนเองร่วมกันแต่อย่างใด”
ในส่วนของคำแถลงที่กล่าวถึงประเด็นปัญหาภูมิภาค ฮอร์ นัมฮง กล่าวเพียงว่า กัมพูชาสนับสนุน
นโยบายสันติของญี่ปุ่น การไม่ใช้กำลัง การดำเนินการตามกฎหมายระหว่างประเทศในการจัดการ
กับข้อขัดแย้งในภูมิภาค
การปฏิเสธของกัมพูชาครั้งนี้ มีขึ้นหลังสำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่น และสำนักข่าวเวียดนามนิวส์
ของเวียดนาม รายงานเมื่อวันจันทร์ (30) อ้างคำกล่าวของฟุมิโอะ คิชิดะ รัฐมนตรีกระทรวงการ
ต่างประเทศญี่ปุ่น ที่เดินทางเยือนกัมพูชา ที่ระบุว่า ฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา
ได้กล่าวแสดงการสนับสนุนต่อแผนของญี่ปุ่นที่จะให้กองกำลังป้องกันตนเองของประเทศมีบทบาท
มากยิ่งขึ้นต่อความมั่นคง และสันติภาพของโลก
นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ มีกำหนดที่จะได้รับมติรับรองจากคณะรัฐมนตรีในวันนี้ เกี่ยวกับการ
ตีความรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพเพื่อเปิดทางให้ญี่ปุ่นสามารถใช้สิทธิในการป้องกันตนเองร่วมกัน
หากรัฐธรรมนูญถูกแก้ไข จะเป็นการอนุญาตให้กองกำลังทหารของญี่ปุ่น หรือ “กองกำลังป้องกันตนเอง”
เข้าช่วยเหลือพันธมิตรของประเทศได้ แม้ว่าญี่ปุ่นเองจะไม่ถูกโจมตีก็ตาม
เป็นเวลามากกว่า 6 ทศวรรษ การตีความแบบดั้งเดิมของรัฐธรรมนูญได้ห้ามญี่ปุ่นจากการใช้สิทธิ
ในการป้องกันตนเองร่วมกัน และการใช้กำลังทหาร
เชียง วันนะริธ นักวิจัยอาวุโส จากสถาบันเพื่อความร่วมมือและสันติภาพกัมพูชา กล่าวว่า นโยบายความมั่นคง
ที่ปรับเปลี่ยนใหม่ของญี่ปุ่นจะเพิ่มความซับซ้อนต่อสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงของภูมิภาค
และอาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่น และประเทศเพื่อนบ้าน
“ชาติเอเชียส่วนใหญ่ประสงค์ที่จะเห็นญี่ปุ่นไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ” วันนะริธ กล่าว
โสก ตุช รองผู้อำนวยการสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่งราชบัณฑิตยสถานแห่งกัมพูชา ระบุว่า
อาเบะ มีความตั้งใจที่จะสร้างบทบาททางทหารให้มากยิ่งขึ้นในภูมิภาค
“แผนของอาเบะชัดเจนว่า ญี่ปุ่นมีความต้องการที่จะใช้กองกำลังทหารอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
อีกครั้งหลังญี่ปุ่นสูญเสียไปเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 นี่เป็นสิ่งที่เอเชียวิตกเพราะญี่ปุ่นสามารถ
ทำได้” โสก ตุช กล่าว.