การพูดคุยระหว่างสองชาติเอเชียเกี่ยวกับเรื่องที่เกาหลีเหนือลักพาตัวชาวญี่ปุ่นในช่วงสงครามเย็น
ได้เริ่มขึ้นแล้วในวันนี้ (1 ก.ค.) ที่กรุงปักกิ่ง โดยที่ฝ่ายโตเกียวตำหนิเปียงยางกรณีที่ทำการยิงขีปนาวุธนำวิถี
การทดสอบยิงขีปนาวุธนำวิถีพิสัยใกล้ “สกั๊ด” จำนวน 2 ลูกเมื่อวันอาทิตย์ (29 มิ.ย.) เป็นเรื่องที่น่าเศร้า
อย่างมาก เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น จุนอิชิ อิฮาระ ผู้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนของญี่ปุ่น
ได้บอกกับ ซอง อิลโฮ ตัวแทนเกาหลีเหนือ
ในช่วงเริ่มต้นของการพูดคุยซึ่งถูกจัดขึ้นที่สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือ ในเมืองหลวงของจีน อิฮาระ
ได้เน้นย้ำถึงการยิงขีปนาวุธนำวิถีว่าเป็นการกระทำที่ “ไม่สอดคล้อง” กับใจความสำคัญของคำมั่นสัญญา
ที่ทางเกาหลีเหนือให้ไว้กับญี่ปุ่น และคำมั่นสัญญาในข้อตกลงการเจรจา 6 ฝ่าย ว่าด้วยโครงการนิวเคลียร์
ของเกาหลีเหนือ
โดยทาง อิฮาระ เรียกร้องให้ทางเกาหลีเหนืออย่าได้ยิงขีปนาวุธนำวิถีอีก เพื่อตอบสนองต่อประชาคมโลก
แต่ตัวแทนเกาหลีเหนือได้โต้แย้งว่า การยิงขีปนาวุธนั้นดำเนินการด้วยความราบรื่น ไม่มีผลกระทบใดๆ
เลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่เพียงแค่ความสงบและความมั่นคงของภูมิภาคนี้เท่านั้น แต่ยังไม่กระทบต่อเส้นทาง
การเดินเรือนานาชาติและสภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยาอีกด้วย
ทั้งนี้ การพูดคุยถูกจัดขึ้นในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่มีรูปถ่ายของสองผู้นำเกาหลีเหนือ ประกอบด้วย
ผู้สถาปนาเกาหลีเหนือ “คิม อิล-ซุง” และลูกชายของเขา “คิม จอง-อิล” ที่เสียชีวิตไปในเดือนธันวาคม
ปี 2011 ซึ่งรายหลังได้ส่งมอบอำนาจต่อให้กับลูกชายของเขา “คิม จอง-อึน” ก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำ
เกาหลีเหนือ คอยดูแลรักษาราชวงศ์คิมต่อไป
การพูดคุยครั้งนี้มีส่วนช่วยให้นักข่าวได้สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ เพราะว่าไม่บ่อยนักที่นักข่าว
ต่างชาติจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือ
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นได้เคยระบุไว้ว่า เกาหลีเหนือได้รับปากจะใช้การพบปะกันที่กรุงปักกิ่ง
เพื่อ “อธิบายเกี่ยวกับหน่วยงาน บุคลากรในหน่วยรวมถึงผู้ที่เป็นหัวหน้าหน่วยงาน” ที่ตั้งขึ้นเพื่อทำ
การสืบสวนคดีลักพาตัวพลเรือนชาวญี่ปุ่นในช่วงปี 1970 – 1980 ใหม่อีกครั้ง
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2002 เกาหลีเหนือได้ออกมายอมรับว่าได้ลักพาตัวพลเรือนชาวญี่ปุ่น 13 ราย
เพื่อนำไปฝึกสอนภาษาญี่ปุ่นและประเพณีต่างๆ ให้แก่สายลับของตน ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นประเด็น
พูดคุยกันอย่างมากในญี่ปุ่น ถึงขนาดมีการสงสัยกันว่าอาจมีจำนวนหลายสิบหรืออาจจะหลายร้อยราย
ที่ถูกลักพาตัวไป
สำหรับอิฮาระและซอง ทั้งคู่ต่างก็เคยรับหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะตัวแทนเจรจาของแต่ละฝ่าย ในการพูด
คุยระหว่างทั้งสองชาติที่เคยจัดขึ้นในสวีเดนเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้นนับว่าเป็นก้าวสำคัญ
ที่ข้ามผ่านความสัมพันธ์อันตึงเครียดของทั้งสองชาติ และนับว่าเป็นการดำเนินการในเชิงบวกมากที่สุด
ของเกาหลีเหนือที่มีต่อโลกภายนอกในรอบหลายเดือนมานี้
“สิ่งที่สำคัญจริงๆ ก็คือขั้นตอนต่อไป” อิฮาระกล่าวในวันนี้ (1 ก.ค.) โดยระบุว่า จำเป็นมากที่จะต้อง
หนักแน่นและดำเนินการอย่างมั่นคงต่อข้อตกลงนี้ แล้วทำให้มันเกิดผล
สำหรับการยิงขีปนาวุธนำวิถี 2 ลูกของเกาหลีเหนือที่ตกเป็นประเด็นพูดคุยนี้ ถูกยิงออกมา 3 วัน
หลังจากที่มีรายงานของเกาหลีใต้ที่เชื่อกันว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้อีกรุ่นหนึ่งจำนวน 3 ลูก
ไปตกลงในทะเล
การแสดงแสนยานุภาพทางการทหารครั้งนี้ เกิดขึ้นก่อนหน้าที่จะมีการเยือนเกาหลีใต้ในวันพฤหัสบดี
(3 ก.ค.) ของประธานาธิบดีจีน “สี จินผิง” ซึ่งจะมีการพูดคุยกันในหลายเรื่อง โดยที่หนึ่งในนั้นคือ
เรื่องโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ