ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยต่อมาชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้รับแจ้งเรื่องความเดือนร้อนของประชาชนทางเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัว นางสาวปุยนุ่น คนระแหง ซึ่งมีพฤติการณ์เป็นตัวการในการเปิดบัญชีเฟสบุ๊คหลอกขายอาหารเสริมประเภทคอลลาเจนเม็ดยี่ห้อ JOJU,โลชั่นทาผิวยี่ห้อออร่าไวท์,เซรั่มสตอเบอรี่ลดริ้วรอยยี่ห้อ Yerpall,สบู่ใบบัวบกยี่ห้อ Chariya,เซรั่มทาบำรุงผิดยี่ห้อโดสแดง นาโนไวท์โดส โดยใช้เฟซบุ๊กชื่อบัญชี “ปุย นุ่น (อาฟิวส์)”,ชื่อบัญชี “สุมินตรา สุนาชัย”,ชื่อบัญชี “นุ่น นนนนนน”,ชื่อบัญชี “มณีรัตน์ ทองคำ”,ชื่อบัญชี “ศิรินันท์ ภูมิใจ” ในการโพสต์หลอกขาย จนมีชื่อติดในติดแบล็กลิสต์ บัญชีคนโกง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก มูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2565 เวลาประมาณ 12.30 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่,พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี,พ.ต.อ.กมล นุ่มหอม รอง ผบก สส.บช.น.,พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น,พ.ต.ต.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.,ร.ต.อ.ธนพล มโนสร รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น .และเจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ได้สืบสวนติดตามจับกุมตัว
นางสาวมณีรัตน์ ทองคำ หรือ “นุ่นศรี” หรือ ปุย นุ่น (อาฟิวส์) หรือ “สุมินตรา สุนาชัย” หรือ “นุ่น นนนนนน” หรือ “มณีรัตน์ ทองคำ” หรือ “ศิรินันท์ ภูมิใจ” อายุ 19 ปี ที่อยู่ 158 หมู่ 4 ตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก
โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง และมาตรา 14 วรรคสอง (1) ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550” พบหมายจับจำนวน 2 หมาย ประกอบด้วย หมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ ที่ จ 486/2565 ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ.2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง และมาตรา 14 วรรคสอง (1) ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550” ท้องที่ สภ.ช้างเผือก ภ.จ.เชียงใหม่ และหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง (สาขามีนบุรี) ในความผิดฐาน “ไม่มาศาลตามกำหนดนัด” ในคดีที่ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ตามหมายจับระหว่างพิจารณา ที่ 21/2565
จับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่บริเวณหน้าที่พักคนงานริมถนนเทศบาล 7 หมู่ 4 ตำบลระแหง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ในชั้นจับกุมผู้ต้องหารับสารภาพว่าตนเองเป็นคนพื้นเพเกิดที่จังหวัดพิษณุโลก เรียนจบชั้น ป.6 ย้ายมาอาศัยในพื้นที่ตำบลระแหง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ตั้งแต่อายุ 12 ปี โดยสารภาพว่าก่อนที่จะมาเริ่มก่อเหตุ เคยทำอาชีพขายครีมบำรุงผิวผ่านทางออนไลน์ แต่เมื่อประสบปัญหาหมุนเงินไม่ทัน จึงรับออเดอร์ลูกค้ามาแล้วนำเงินไปหมุนใช้จ่ายอย่างอื่นแทนก่อน เมื่อถึงกำหนดส่งสินค้าตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งก็ไม่สามารถหาสินค้ามาส่งให้ลูกค้าได้ จึงไปซื้อสินค้าชนิดอื่น เช่น แชมพูราคาถูก,น้ำดื่มในร้านสะดวกซื้อ หรืออื่นๆ ที่สามารถหาได้ส่งให้ลูกค้าแทนสินค้าที่ต้องการ เมื่อเห็นว่าได้กำไรดีจึงหลงผิดทำต่อเนื่องเรื่อยมา
ที่ผ่านมาผู้ต้องหาก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้มาตั้งแต่ปี 2563 มีผู้เสียหายหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อต่อเดือนเฉลี่ยประมาณ 10–15 รายต่อเดือน ความเสียหายต่อผู้เสียหายแต่ละรายประมาณ รายละ 10,000-12,000 บาท มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนกว่าเดือนละ 200,000 บาท มูลค่าความเสียหายตั้งแต่ปี 2563 ที่เริ่มก่อเหตุถึงปลายปี 2564 กว่า 5 ล้านบาท จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. สืบสวนจับกุมตัวได้นำส่ง สภ.ช้างเผือก จังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า ขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนทราบว่า มิจฉาชีพมีการแอบแฝงตัวเข้าไปตามช่องทางการสื่อสารออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ไลน์ หรือบนแพลตฟอร์มอื่นๆ จึงต้องระมัดระวังอย่าด่วนสรุปตัดสินใจโอนเงิน โดยควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอมเสียก่อน และหากมีเบาะแสการกระทำความผิดใดสามารถแจ้งเข้ามายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มากแต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน