กองปราบฯ ยึดรถเจ๊ใหญ่ร่มเกล้า รับจำนำกว่า 30 คันไว้ตรวจสอบ
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 30 มิถุนายน ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล
รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.จอม สิงห์น้อย สว.กก.1 บก.ป.ร่วมกับทหาร
สังกัด ป.พัน 12 รอ.นำกำลังจับกุม นางวิมล หรือเจ๊ใหญ่ ลิ้มอยู่สุข อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 338/13
ถนนการเคหะร่มเกล้า แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กทม.พร้อมของกลาง รถยนต์ยี่ห้อต่างๆ
21 คัน และจักรยานยนต์ยี่ห้อต่างๆ อีก 14 คัน รวม 35 คัน จับกุมได้ที่ลานจอดรถ พรชัยไนท์บาร์ซ่า
ถนนการเคหะร่มเกล้า แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง
พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า การตรวจค้นจับกุมครั้งนี้ เป็นไปตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
(คสช.) ที่มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม การฝ่าฝืนกระทำผิด
กฎหมายอาญา ซึ่งภายหลังชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.ได้รับแจ้งเบาะแสว่า พบสถานที่ดัดแปลงเป็น
ลานจอดรถของพรชัยไนท์บาร์ซ่า มีรถยนต์และจักรยานยนต์ต้องสงสัยว่าได้มาจากการกระทำความผิด
จอดอยู่เป็นจำนวนมาก จึงร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ สน.ร่มเกล้า เจ้าของพื้นที่ เข้าตรวจค้น
โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ก่อนจะพบนางวิมล จึงเชิญตัวมาสอบสวนที่ บก.ป.
พร้อมกับยึดรถยนต์และจักรยานยนต์ทั้งหมดไว้ตรวจสอบ
พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งตรวจสอบว่ารถยนต์และจักรยานยนต์
แต่ละคัน มีที่มาที่ไปอย่างไร ได้มาจากการกระทำผิดหรือไม่ มีการปลอมเอกสาร ป้ายทะเบียน
ป้ายวงกลมหรือไม่ รวมทั้งเป็นรถที่มีการจำนำไว้โดยเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมาย
กำหนดหรือไม่ โดยจะติดตามเจ้าของ ผู้ครอบครองรถทั้งหมดมาสอบปากคำ ทั้งนี้ จากแนวทาง
การสืบสวนทราบว่า นางวิมล จะเปิดรับจำนำรถยนต์ในราคาคันละ 70,000-300,000 บาท
ส่วนจักรยานยนต์ให้ราคาคันละ 7,000-12,000 บาท โดยขึ้นอยู่กับสภาพรถ อย่างไรก็ดี
ขอแจ้งไปยังเจ้าของรถทั้งหมดว่าให้เข้ามาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน ซึ่งหากรายใดเป็น
ผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงก็สามารถมานำรถกลับไปได้
ส่วนการกระทำดังกล่าวในเบื้องต้นเข้าข่ายความผิดฐานประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล
โดยไม่ได้รับอนุญาต , ความผิดฐานประกอบกิจการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ มีการให้กู้ยืมเงิน
โดยมีรายได้จากดอกเบี้ย และความผิดฐานประกอบธุรกิจโรงรับจำนำโดยไม่มีใบอนุญาต
ด้าน พ.ต.ท.จอม กล่าวว่า ทางชุดสืบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานต่างๆ โดยเบื้องต้นพบว่า
รถทุกคันไม่ได้มีการแจ้งหายไว้จึงตัดประเด็นเรื่องการโจรกรรม หรือได้มาจากการลักทรัพย์
แต่จะตรวจสอบในประเด็นอื่นๆ ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นกรณีความเกี่ยวพันกับบ่อนการพนันต่างๆ
ซึ่งเป็นไปได้ว่าผู้ที่เสียพนันอาจจะนำรถมาจำนำไว้ นอกจากนี้ก็จะขยายผลการจับกุมว่ายังมี
ผู้ใดเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ โดยในส่วนของการดำเนินการขณะนี้ ทางชุดสืบสวนจะตรวจสอบ
แหล่งรับจำนำรถ รวมทั้งแหล่งชำแหละรถในพื้นที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และหากผู้ใดพบเห็น
หรือมีข้อสงสัยในสถานที่ต่างๆ ขอให้แจ้งข้อมูลมาที่ กก.1 บก.ป.เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้เร่ง
สืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดต่อไป