เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 เวลา 15.30 น.: นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สั่งการให้ นายพงษธร อินอำนวย ผู้อำนวยการศูนย์คดียาเสพติด หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 33/2564 นำหมายค้นของศาลอาญาเข้าค้นห้องชุดในอาคารจุลดิศทาวเวอร์ เลขที่ 21 ซอยเพชรบุรี 19 ถนนเพชรบุรี แขวงถนน พญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร เพื่อพบและยึดสิ่งของที่เชื่อว่าเป็นของผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ
การปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการขยายผลจากการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ตั้งแต่ พ.ศ.2557 แต่ยังคงมีความเคลื่อนไหวในการยักย้ายเงินและทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด บางส่วนที่ยังไม่ได้ถูกตรวจยึดออกไปนอกราชอาณาจักร และเชื่อว่ายังมีทรัพย์สินซุกซ่อนอยู่กับผู้ถือครองแทน ที่เป็นเครือข่ายของขบวนการดังกล่าวอีกเป็นจำนวนมาก ผลการตรวจค้น พบทรัพย์สินของผู้ต้องหารายสำคัญ ซึ่งเป็นชายชาวต่างชาติ ซึ่งต้องโทษประหารชีวิตและต้องขังอยู่ในเรือนจำในขณะนี้ เป็นเพนท์เฮ้าส์สองชั้นมูลค่ากว่า 25 ล้านบาท และพบหลักฐานอื่นๆ อีกหลายรายการ จึงได้ตรวจยึดไว้ตามมาตรการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด การดำเนินการดังกล่าวสืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบออกกฎกระทรวงกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติม ให้การกระทำความผิดเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่เป็นคดีพิเศษ มอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับผิดชอบเพื่อเป็นการขับเคลื่อนงานดังกล่าว นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงมีคำสั่งให้จัดตั้งศูนย์คดียาเสพติด มีหน้าที่เพื่อป้องกัน ปราบปราม สืบสวนและสอบสวนคดีพิเศษ ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยมีฐานะเทียบเท่ากองซึ่งในคดีเดียวกันนี้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ของกลุ่มขบวนการไว้แล้ว มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ การดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปตามกรอบแนวทางการขับเคลื่อน กรมสอบสวนคดีพิเศษ ปีงบประมาณ 2566 ที่นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กำหนดในด้านการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินในความผิดฐานฟอกเงิน ยึดทรัพย์ เพื่อตัดวงจรการกระทำผิด โดยเฉพาะคดียาเสพติด
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน