วันที่ 5 พ.ย.65 เวลา 08.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ว่าที่ พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณ ปัญญา รองโฆษก ตร. เปิดเผย ถึงกรณีที่มีข่าวสุนัขสายพันธุ์ “พิตบูล” ไล่กัดคนได้รับบาดเจ็บ เหตุจากเจ้าของปล่อยปละละเลยมีโทษทั้งแพ่งและอาญา
รองโฆษก ตร. กล่าวว่า จากเหตุการณ์หนุ่มวัย 17 ปี ชาวจังหวัดสมุทรสงคราม ถูกสุนัขพันธุ์พิตบูล 2 ตัว รุมไล่กัดถึงภายในบ้าน เมื่อช่วงบ่าย วันเสาร์ที่ 29 ต.ค.65 ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบพบว่า สุนัขของบ้านหลังนี้ ก่อเหตุซ้ำซ้อนมาแล้วหลายครั้ง
สำหรับการปล่อยปละละเลยให้สุนัข หรือ สัตว์เลี้ยง ของตนไปกัดผู้อื่นนั้น มีความผิดตาม ก.ม.อาญา มาตรา 377 ผู้ใดควบคุมสัตว์ดุร้าย ปล่อยปละละเลยให้สัตว์นั้นอยู่ลำพัง ในประการที่อาจทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถ้าถึงขั้นการกระทำโดยประมาทนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายจนสาหัส มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จะมีโทษจำคุกหนักถึง 10 ปี และอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.การทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 รวมถึงต้องชดใช้ค่าเสียหายในทางแพ่ง ตามมาตรา 433 ที่ระบุไว้ว่า ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์ เจ้าของสัตว์ หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนฯ
รองโฆษกฯ หญิง กล่าวต่อว่า ในกรณีที่ปล่อยให้สุนัขวิ่งตัดหน้ารถบนท้องถนนในระยะกระชั้นชัด จนทำให้เกิดความเสียหาย เจ้าของสุนัข ยังอาจต้องร่วมรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น เนื่องจากอุบัติเหตุนั้นเกิดจากความประมาทเลินเล่อของเจ้าของสุนัขที่ไม่ใช้ความระมัดระวังตามสมควรในการควบคุมดูแลสุนัข ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 และนอกจากนี้แล้วยังต้องรับผิดชอบความเสียหายในทางแพ่ง อีกด้วย
ดังนั้น จึงฝากถึงคนที่กำลังตัดสินใจจะเลี้ยงสุนัข ต้องประเมินความพร้อมของตัวเอง ก่อนรับสัตว์เลี้ยงมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ข้อสำคัญคือ ต้องมีการศึกษานิสัยใจคอ รวมถึงพฤติกรรมของสุนัขสายพันธุ์ที่อยากเลี้ยงให้แน่ใจก่อน โดยเฉพาะสายพันธุ์ดุ เช่น พิตบลู ที่ในบางกรณีแม้แต่เจ้าของก็โดนกัดถึงตาย ดังนั้น ผู้เลี้ยงต้องใช้ความระวัง มีสถานที่ที่เหมาะสมปลอดภัย มีรั้วรอบขอบชิดพอที่จะเลี้ยง และสำหรับคนที่เลี้ยงสุนัขอยู่แล้ว ต้องใช้ความระมัดระวัง ไม่ปล่อยให้สุนัขของตนไปสร้างความเดือดร้อนเสียหายแก่ผู้อื่น
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน