(28 ต.ค.65)นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ที่ออกมาสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลให้คนต่างชาติซื้อที่ดินได้ 1 ไร่แลกกับนำเงินมาลงทุน 40 ล้านบาท พร้อมระบุว่าถ้าไม่ดีก็เลิกได้ภายใน 5 ปีนั้น
เป็นวิธีคิดแบบพวกนายหน้าหรือโบรกเกอร์ในตลาดหุ้น โดยไม่คำนึงผลกระทบอันใหญ่หลวงต่อสังคมไทยในอนาคต คิดแบบคนรวย คนมีที่ดินหลักร้อยหลักพันไร่ ไม่คำนึงถึงบรรพบุรุษไทยที่กว่าจะสร้างชาติสร้างแผ่นดินกันมา และลูกหลานไทยว่าจะมีแผ่นดินได้อาศัยอยู่ต่อไปในอนาคตหรือไม่ เพราะถ้าหากดำเนินตามมติคณะรัฐมนตรีที่เพิ่งอนุมัติไป คนไทยจะเสียแผ่นดินให้ต่างชาติอย่างแน่นอน ส่วนเหตุผลที่อ้างว่าเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจจากโรคโควิด-19 นั้นต้องถามดังๆว่า ใครเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ นายทุนที่ดินหรือประชาชนกันแน่ แต่ทึ่แน่ที่สุดคือแผ่นดินไทยต้องตกไปเป็นกรรมสิทธิ์ของต่างชาติที่มั่งคั่งและมีสิทธิ์ขายที่ดินผืนนั้นต่อได้อีก
ไม่แตกต่างอะไรกับการซื้อที่เก็งกำไร แล้วจะเหลือแผ่นดินไทยให้ลูกหลานไทยในอนาคตสักเท่าใด
“สมัยนายกร เป็นรมว.คลัง ก็ไร้น้ำยาในการแก้ไขเรื่องล็อตเตอรี่ราคาแพง มีการสอบสวนเรื่องสลากแพงยุคพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็นประธานบอร์ดสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เคยเล่าให้ฟังว่า มีไอ้โม่งได้ประโยชน์จากสลากกินแบ่งรัฐบาลแพงในขณะนั้นเป็นเงินถึง 1,800 ล้านบาท ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่พลเอกอภิรัชต์รายงานลับที่สุดส่งตรงถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) นายวัชระ กล่าว
นายวัชระ กล่าวย้ำว่า ยังไงๆรัฐบาลก็ต้องทบทวนมติครม.ในเรื่องนี้พร้อมยังชี้อีกว่า การที่นายกร จาติกวณิช บอกว่า ถ้าไม่ดีก็เลิกได้ภายใน 5 ปี แล้วแผ่นดินที่ชาวต่างชาติมาซื้อเป็นกรรมสิทธิ์ไปแล้วจะทำอย่างไร จะไปยึดที่คืนมาได้หรือ ก็ทำไม่ได้ เพราะอ้อยเข้าปากช้างไปแล้ว ความเห็นอย่างนี้จึงสนับสนุนให้มีการขายแผ่นดินให้ต่างชาติโดยแลกกับเงินลงทุนแค่ 40 ล้านบาทในเวลาเพียง 3 ปีก็ถอนการลงทุนออกได้ ไม่เป็นการยุติธรรมกับคนไทยทั้งประเทศ
แผ่นดินไทยไม่ได้มีไว้ให้ต่างชาติมาซื้อที่ดินแล้วเก็งกำไรไว้ขายต่อ
หากรัฐบาลไ่ม่สนใจเสียงคัดค้านของประชาชน ตนจะเข้าชื่อถวายฎีกาขอความเป็นธรรมต่อไป