(25 ต.ค65)ที่อาคารรัฐสภา นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวหลังจากให้ปากคำกับคณะกรรมการจริยธรรม วุฒิสภา ที่มีพล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร เป็นประธาน กรณีส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม เป็นกิ๊กกับสว.คนหนึ่งและได้รับอภิสิทธิ์จากทางราชการโดยระบบอุปถัมภ์ว่า ได้มอบเอกสารเพิ่มเติมให้กับคณะกรรมการคือ หนังสือจากสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาที่ยืนยันว่าได้แต่งตั้งส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประจำคณะกรรมาธิการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่อนุมัติให้เดินทางไปราชการที่ประเทศรัสเซีย-ฟินแลนด์ จึงมองเป็นอื่นไปไม่ได้ว่า ส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ จะต้องเป็นบุคคลพิเศษ มิฉะนั้นจะไม่ได้รับสิทธิ์พิเศษเช่นนี้ ขณะเดียวกันยังได้มอบสำเนาหนังสือจากสำนักงานเลขาธิการ วุฒิสภาที่มีถึงกระทรวงต่างประเทศขอให้ออกหนังสือเดินทางปกสีน้ำเงิน ซึ่งหมายถึงจะได้รับเอกสิทธิ์ทางการทูตด้วย จึงมีคำถามว่า “หากไม่เป็นกิ๊กของสว.จะได้รับสิทธิ์ที่สุดพิเศษเช่นนี้หรือไม่ นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรชื่อดังที่ทำหน้าที่สัมภาษณ์เพื่อหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ถูกมือลึกลับโทร.ข่มขู่ จึงขอให้คณะกรรมการจริยธรรม วุฒิสภา เชิญนายหนุ่ม กรรชัยมาให้ปากคำเพื่อตรวจสอบว่าใครเป็นผู้ข่มขู่ด้วย
นายวัชระ แถลงอีกว่า ที่ผ่านมา นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.ก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวว่า ส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ เคยยอมรับกับคณะกรรมาธิการว่า มีความสัมพันธ์กับสว.คนหนึ่งตั้งแต่ปี 2555-2562 จริง จึงขอให้คณะกรรมการจริยธรรม วุฒิสภา เชิญนายธีรัจชัยมาให้ปากคำเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงด้วย
นอกจากนี้ยังมีเรื่องการเข้ารับการอบรมหลักสูตรสถาบันพระปกเกล้า ของส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ที่ต้องดูว่าใครเป็นผู้เซ็นต์รับรอง ก็จะทราบข้อเท็จจริงแน่นอน
นายวัชระยังได้สอบถามคณะกรรมการจริยธรรมว่า การสอบสวนเรื่องนี้จะเสร็จสิ้นเมื่อใด ได้รับคำตอบจากพล.อ.สิงห์ศึกว่า จะเสร็จสิ้นตามกรอบเวลาไม่เกินสิ้นปีนี้แน่นอน ขณะนี้นายกล้านรงค์ จันทิก 1ในคณะกรรมการยืนยันว่าจะสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก ไม่ต้องกังวลว่าจะมีการช่วยเหลือกัน
ด้านนายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมแถลงข่าวในเรื่องนี้ว่า มีประเด็นที่ต้องติดตามตรวจสอบคือ ผู้มีอำนาจละเมิดสิทธิสตรีโดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ในทางมิชอบ ซึ่งผูกโยงและมีผลกระทบไปถึงระบบโครงสร้างราชการ เพราะการใช้ระบบอุปถัมภ์และผู้มีอำนาจมากกว่ารังแกผู้มีอำนาจน้อยกว่า จึงเรียกร้องให้ขยายการตรวจสอบให้กว้างขวางขึ้น เพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ทั้งระบบ