(20 ต.ค.65)ที่สำนักงานป.ป.ช.นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึงนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ขอให้ตรวจสอบการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดในหน้าที่ราชการของเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและคณะกรรมการตรวจการจ้างโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่
เนื่องจากขณะนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ได้รับการร้องเรียนจากข้าราชการในสภาโดยเฉพาะคนงานของสภาผู้แทนราษฎรว่า มีการวางสายไฟใต้ดินใต้สนามภายนอกอาคารรัฐสภาขุดลึกอยู่ประมาณ 5-10 ซม.เท่านั้น เกรงว่าจะได้รับอันตรายหากมีการขุดดินเพื่อปลูกต้นไม้และหญ้า จึงขอร้องเรียนพร้อมภาพถ่ายสายไฟ และหลังจากได้รับการร้องเรียนจึงหาข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีการวางสายไฟใต้ดินจริง รวมความยาวทั้งสิ้นประมาณ 2,700 เมตร อีกทั้งพบว่ามีการตรวจรับงานงวดและจ่ายเงินแล้ว จึงทำหนังสือถึงเลขาธิการสภาฯเพื่อขอให้ตรวจสอบเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2565 หาผู้รับผิดชอบและพิจารณาลงโทษถ้ามีการกระทำดังกล่าวจริง ต่อมาประมาณต้นเดือนกันยายน พบมีการขุดร่องตามแนวสายไฟ และพบว่าส่วนใหญ่อยู่ลึก 40 ซม.จริงตามแบบแต่ก็มีหลายแห่งขุดวางสายไฟไม่ลึกเป็นไปตามแบบ จึงขอให้ ป.ป.ช. พิจารณาดำเนินการตามอำนาจ ดังนี้
1.พบว่าตามแบบต้องกลบทรายหลังท่อสายไฟหนา 10 ซม. และมีทรายรองใต้ท่อสายไฟหนา 10 ซม. แต่กลับไม่มีการกระทำดังกล่าว
2.หลังจากกลบทรายต้องมีแผ่นคอนกรีตหนา 5 ซม.วางทับตลอดแนวสายไฟ แต่จากการเดินตรวจไม่มีแผ่นหินดังกล่าวเช่นกัน
3.พบว่ามีหลายจุดตามภาพถ่ายที่ขุดวางสายไฟลึกไม่ถึง 10 ซม. แต่มีข้ออ้างว่ามีข้อผิดพลาด ซึ่งไม่น่าจะเอามาเป็นข้ออ้างได้
4.การจ่ายเงินงวดน่าจะมีการตรวจรับงานว่ามีการทำตามแบบถูกต้องแล้วหรือไม่ จึงจ่ายเงินไป
จึงขอให้ตรวจสอบเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย เพราะถือว่าความผิดสำเร็จแล้วกับเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและคณะกรรมการตรวจการจ้าง รวมทั้งผู้ต้องรับผิดชอบอื่นด้วย ขณะเดียวกัน นายวิลาศ ยังได้ยื่นหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)อีก1ฉบับ ขอให้พิจารณาการกระทำส่อว่าผิดกฎหมายของเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กรณีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้รับจ้าง ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (ผู้ว่าจ้าง) ว่าขอแจ้งส่งมอบงานงวดสุดท้ายแก่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตามสัญญาก่อสร้าง เลขที่ 116/2556 ลงวันที่ 30 เมษายน 2556 ข้อ 35.1 และผนวก 9 เงื่อนไขทั่วไปของการก่อสร้าง (ข้อ 20.2) อีกทั้งมีการอ้างถึงหนังสือของผู้รับจ้าง ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ถึงกลุ่มบริษัทผู้ควบคุมงาน ATTA เรื่องผู้รับจ้างได้แก้ไขข้อบกพร่องและงานที่ยังไม่แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยครบถ้วนแล้ว อย่างไรก็ตามขณะนี้มีงานที่ทำไม่ตรงแบบ บางเรื่องคณะกรรมการตรวจการจ้าง (คตจ.) ยังไม่อนุมัติ บางเรื่อง คตจ. อนุมัติแล้วแต่ยังไม่มีการแก้ไขสัญญา เห็นว่าเมื่อผู้รับจ้างส่งมอบงานแล้ว ผู้ว่าจ้างต้องตรวจรับงานเท่านั้น และในระหว่างตรวจรับงาน ถ้าพบข้อบกพร่องของงาน อาจเนื่องมาจากวัสดุหรือเนื้องาน ผู้ว่าจ้างต้องสั่งให้ผู้รับจ้างแก้ไข อีกทั้งระยะเวลาที่ใช้ในการแก้ไขต้องดำเนินการตามสัญญาคือปรับวันละ 12.28 ล้านบาท เพราะถือว่าเมื่อมีการส่งมอบงานแล้วถือว่าสัญญาสิ้นสุด แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการ จึงขอให้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป