วันนี้ 14 ตุลาคม 2565 นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน และคณะ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้ากรณีเหตุน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลกัดเซาะถนนทางหลวงชนบท 3018 (สายคันคลองมหาราช) ขาดเมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา จนส่งผลทำให้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลทะลักลงสู่คลองมหาราช ซึ่งล่าสุด หลายหน่วยงานได้เร่งบูรณาการทำงานร่วมกัน คาดจะดำเนินการอุดรอยขาดของถนนแล้วเสร็จภายใน 2 วัน เพื่อลดผลกระทบทางด้านท้ายน้ำของพื้นที่คลองมหาราช ในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำโดยรวม ทางฝั่งแม่น้ำปิงปริมาณน้ำลดลงต่อเนื่อง ส่วนที่สถานี C.2 ที่จังหวัดนครสวรรค์ ลดลงเช่นเดียวกัน ส่วนที่เขื่อนเจ้าพระยาเองได้มีการปรับลดการระบายลงเล็กน้อย คาดว่าอีก 2-3 วัน จะมีการปรับลดลงต่ำกว่า 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตรงส่วนคันคลองส่งน้ำฝั่งขวาคลองมหาราชที่ขาดลงประมาณ 30 เมตร ได้มีการระดม เครื่องจักรเครื่องมือ บุคลากร รวมทั้งส่วนราชการอื่นๆ ที่มาบูรณาการช่วยกันทำให้สำเร็จเร็วที่สุด เนื่องจากน้ำจะไม่ย้อนและไม่ส่งผลกระทบกับพี่น้องประชาชนเป็นวงกว้าง จึงสั่งการให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด คาดว่าไม่เกิน 2 วัน
โดยในทุกพื้นที่ขอให้พี่น้องประชาชนได้มีการประสานงานกับชลประทานในพื้นที่ เฝ้าระวังจุดต่างๆที่เป็นจุดอ่อนไหว เช่นคันกั้นน้ำที่มีจุดอ่อนขอให้แจ้งเราได้ เนื่องจากมีชุดเฉพาะกิจที่ได้ร่วมกับโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา และโครงการจังหวัดต่างๆ หากฝนไม่ตกอย่างต่อเนื่อง หรือไม่ตกลงมาเพิ่ม จะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น อย่างในวันที่ 16-17 ตุลาคมนี้ เราอาจปรับลดการระบายที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ลงได้ต่ำกว่า 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และในช่วงวันที่ 26-27 ตุลาคม 2565 น่าจะมีการระบายต่ำกว่า 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งน้ำจะอยู่ในลำที่เราสามารถกำกับควบคุมได้
ทั้งนี้ ขอฝากความห่วงใยพี่น้องประชาชนในบางพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ทางกรมชลประทานจะเข้าไปช่วยเหลือฟื้นฟูหลังน้ำลด เราจะเตรียมเครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกน้ำ เข้าไปช่วยบริการเพื่อลดภาระให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
Cr.เกวลี เกิดน้อย ข่าว/ภาพ สวท.ชัยนาท
กชกร พวยไพบูลย์
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสิงห์บุรี