สร้างความแปลกใหม่จนทำให้วงการเพลงไทยคึกคักให้ผู้ฟังเลือกฟังได้หลากหลายขึ้น อย่าง 4 หนุ่ม “เดอะ รู๊บ” (The Rube) ที่มีซิงเกิ้ลเนื้อหาและสไตล์การร้องไทยเก๋ ๆ อย่าง “ไอแอม ซอรี่ สีดา” (I’m sorry สีดา)
วงการเพลงไทยในปีนี้มีวงดนตรีน้องใหม่ สร้างความแปลกใหม่จนทำให้วงการเพลงไทยคึกคักให้ผู้ฟังเลือกฟังได้หลากหลายขึ้น หนึ่งในวงดนตรีหน้าใหม่ที่ได้รับความสนใจจากแฟนเพลงอย่างดีคือ 4 หนุ่ม “เดอะ รู๊บ” (The Rube) มีสมาชิกคือ เก็ท-ศิวพงษ์ เหมวงศ์ (ร้องนำ), จุ๊บ-ธีรวงศ์ วัฒนาจารุพงศ์ (กีตาร์), น็อต-ทรงพล ศรีสะอาด (เบส) และ เจน-ณัชรพงศ์ วัฒนาจารุพงศ์ (กลอง) ที่มีซิงเกิ้ลเนื้อหาและสไตล์การร้องไทยเก๋ ๆ อย่าง “ไอแอม ซอรี่ สีดา” (I’m sorry สีดา) ออกมาเขย่าวงการเพลง ทำให้เกิดปรากฏการณ์เพลงวรรณคดีฟีเวอร์ ล่าสุดหนุ่มปล่อยซิงเกิ้ลที่สอง “ฟิน วันทอง” (Fin วันทอง) ออกมาให้ฟังอีกครั้งงานนี้ “ลักกี้เกิร์ล” ไม่พลาดคว้าทั้ง 4 หนุ่มมานั่งคุยถึงที่มาของวง และแนวการทำเพลงในรูปแบบที่แปลกและแตกต่างครั้งนี้ จะเป็นอย่างไรติดตามได้เลยจ้า
จุดเริ่มต้นของวง เดอะ รู๊บ มีที่มายังไงเล่าให้เราฟังนิดนึง?
จุ๊บ : “พวกเราเรียนเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง ที่เรียนเอกดนตรีสากล ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษมด้วยกันมา เริ่มจากผมกับพี่น็อตเล่นดนตรีกลางคืนด้วยกัน ก่อนไปชวนพี่เก็ทมา ส่วนเจนเป็นน้องชายแท้ ๆ ของผม และผมสนิทกับมือกลองวงมายด์ ทำให้ได้รู้จักพี่เป้วงมายด์ หลังจากนั้นก็ได้ร่วมงานกันมาเรื่อย ๆ ครับ”
เก็ท : “ปกติคนที่เล่นดนตรีทุกคนเขาพยายามจะทำเพลง ออกซิงเกิ้ลกันอยู่แล้ว แต่เราได้รู้จักพี่เป้ วงมายด์ พี่เขาก็มาเป็นที่ปรึกษาที่ดีมาก เขาได้ยินเราร้องเพลงไทยเดิมและลูกทุ่งได้ มาผสมแนวดนตรี
ป๊อป แร็พเข้าไป ทำให้เขาปิ๊งไอเดียทำเพลงแนวลูกครึ่งแบบนี้ เลยช่วยเราแต่งเพลงออกมาเป็นซิงเกิ้ลแรกคือเพลง “ไอแอมซอรี่สีดา” ที่ทำให้คนรู้จักพวกเรา ตอนแรกชื่อเพลงว่า “ไอแอมซอรี่” เฉย ๆ แต่เรามาเพิ่มความเป็นไทยเข้าไป กลายเป็น “ไอแอมซอรี่สีดา” นั่นแหละครับ”
จากนั้นเริ่มทำอัลบั้มที่ 2 เป็นอย่างไรบ้าง?
เก็ท : “ตอนนี้เราทำอัลบั้มชื่อว่า “ไทยแมชชีน (Thai-machine)” มีซิงเกิ้ลที่สองชื่อว่า “ฟินวันทอง” ทำเอ็มวีเป็นมิวสิกซีรีส์ 3 เพลง โดยเพลงนี้จะเสนอในมุมความรู้สึกของ “ขุนช้าง” ซึ่งเป็นตัวละครในวรรณคดีเรื่อง ขุนช้างขุนแผน เล่าถึงความรู้สึกของผู้ชายคนหนึ่งที่รักและหลงผู้หญิงคนหนึ่งมาก พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้คนที่เขารักมา ซึ่งจริง ๆ แล้วขุนช้างไม่ได้เลวร้าย เขาแค่เป็นผู้ชายที่รักผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้นเอง เพลงนี้ยังคงเป็นแนว “โมเดิร์น เทรดิชั่นนอล(Modern Traditional)” คือการนำเอกลักษณ์ของดนตรีไทยมาประยุกต์บนพื้นฐานของเพลงป๊อป ความพิเศษของอัลบั้มนี้คือการที่เรานำเอาวรรณคดีไทยที่เราเคยฟังมาตั้งแต่เด็กมาเป็นแกนหลักในการเล่าเรื่อง ถ้าสังเกตดูวรรณคดีไทยมักพูดถึงเรื่องความรัก แต่เราจะเอามาปรับให้เป็นภาษาของพวกเราที่เข้าใจง่าย และเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ออกมาเป็นเพลง “ไอแอม ซอรี่ สีดา” ผสมระหว่างดนตรีแนวไทยเดิมและฮิปฮอป เพื่อเน้นวงเราให้ชัดขึ้น ได้พี่ เป้ วงมายด์ มาฟีเจอร์ริ่ง สัดส่วนของเพลงจะไม่มีป๊อปเลย ค่อนข้างจะแปลกใหม่สำหรับวงการเพลงบ้านเรา แต่เป็นตัวตนของวงเรามาก ความเป็นไทยที่เราใส่เข้าไปหลายคนอาจจะมองว่าเชย แต่ถ้าลองเปิดใจฟังจริง ๆ อาจจะหลงรักความเป็นไทยก็ได้ครับ”
ทำเพลงแนวนี้ ที่ไม่ได้พูดถึงรักแบบวัยรุ่น กลัวคนจะไม่เข้าใจ ไม่เปิดรับไหมในตอนแรก?
เก็ท : “หวั่น ๆ ครับ แต่ตอนนี้ก็สบายใจแล้ว เพราะกระแสที่ได้รับมาก็ไม่ได้เลวร้าย ฉะนั้นสิ่งต่อไปเราก็จะยืนยันในตัวตนของเราต่อไป แต่ผมเชื่อว่าคนฟังเพลงบ้านเราตอนนี้ก็ไม่ได้ฟังเพลงธรรมดากัน เขาจะเลือกฟังเพลงที่มีไอเดียที่ชัดเจน ถือเป็นการเปิดมุมมองใหม่ให้คนฟังครับ”
จุ๊บ : “ถ้าถามผม ผมไม่กลัวอยู่แล้ว เพราะเราใช้ความเป็นไทยมานำเสนอ ในฐานะพวกเราเป็นคนไทย เราได้นำความเป็นไทยมาผสมในเพลงพวกเราก็ภูมิใจแล้วครับ”
น็อต : “เพลงแรกที่ปล่อยออกมา ได้การตอบรับถือว่าเกินคาดมาก ๆ เราหวังแค่ล้านวิวให้รอดก่อน แต่ไป ๆ มา ๆ ไกลไปถึงร้อยล้านวิว เราก็ดีใจมาก อย่างเพลง “ฟินวันทอง” ก็เป็นเพลงที่เราลุ้นมาก เพราะจะเป็นเพลงที่ไทยชัดเจนสุด ๆ ครับ”
เจน : “อยากให้ทุกคนเปิดใจ มันไม่ใช่สิ่งเสียหายอยู่แล้ว ความเป็นไทยมันสวยงามและยิ่งใหญ่เสมอครับ”
สุดท้ายพอปล่อยเพลง “ไอ แอม ซอรี่ สีดา” กลายเป็นปลุกกระแสวรรณคดีฟีเวอร์จนเพลงฮิตไปเลย?
เก็ท : “ตอนแรกผมไม่คิดว่าจะมีคนเจาะเอาตัวละครวรรณคดีแต่ละเรื่องมาทำเยอะขนาดนี้ (ยิ้ม) อาจจะเป็นเพราะคนอินกับบรรยากาศของเพลงและสัดส่วนของดนตรีที่เราใช้มากกว่า เชื่อว่าคนฟังครั้งแรกไม่เข้าใจหรอก แต่พอฟังแล้วชอบไปเปิดศึกษาดูแล้ว คงแปลกใจว่ามีแบบนี้ด้วยเหรอ ทำให้คนย้อนกลับไปศึกษาว่าวรรณคดีไทยเรามีตัวละครอะไรที่น่าสนใจบ้างตามเพลง มีเรื่องอะไรแบบนั้นจริงไหม โดยเฉพาะความพิเศษของรามเกียรติ์ ถือเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก สามารถดึงดูดให้คนคล้อยตามได้อยู่แล้ว คนจึงสนใจเรื่องนี้มากขึ้น จนตามไปหาอ่านในวรรณคดีเรื่องอื่น ๆ ด้วยนะครับ”
แนว “โมเดิร์น เทรดิชั่นนอล” แปลกใหม่สำหรับวงการเพลงบ้านเรายังไงบ้าง?
จุ๊บ : “พี่เก็ทสามารถร้องเพลงไทยเดิมหรือลูกทุ่งได้อยู่แล้วครับ วงเราชอบร้องเล่นกันขำ ๆ แต่พอพี่เป้ วงมายด์ มาได้ยินเขาบอกว่าแบบนี้ไม่ขำแล้วนะ (หัวเราะ) มันต้องทำเพลงแบบนี้แหละ เพราะเป็นอะไรที่แปลกใหม่ สร้างสรรค์ จากนั้นพวกเราก็ช่วยกันใส่ไอเดีย ใส่คำไทย ๆ ทำนองดนตรี และเพิ่มท่อนแร็พเข้าไป พอทำแล้วก็ได้ รับการตอบรับที่ดีซึ่งพวกเราเดอะรู๊บดีใจมากครับ”
ถ้าให้บอกถึงตัวตนของเดอะรู๊บ เราจะนึกถึงอะไรก่อน?
เก็ท : “พวกเราเป็นวงสตริงที่ร้องแบบไทยเดิม หรือจะเรียกว่าวงป๊อปที่ร้องแบบลูกทุ่งก็ได้ครับ แต่ผมดีใจที่อย่างน้อยคนก็เรียกชื่อวงเราถูกแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้เรียกไปหลากหลาย วันนี้เริ่มมีคนจำพวกเราได้ก็ดีใจมากครับ”
แผนในการพัฒนาวงของเราต่อไปล่ะจะเป็นยังไง จะยึดสไตล์แบบนี้ไปตลอดหรือเปล่า?
เก็ท : “สิ่งแรกที่เราหวังตอนนี้ เราอยากให้ทุกคนรู้จักวงเราอย่างแท้จริง ในเรื่องการพัฒนา ผมว่าการทำเพลงบ้านเรามีทางออกให้เราเสมอ ขอแค่เรามีไอเดีย เราอยากนำเสนอความเป็นไทยออกมา ตอนนี้เราเริ่มเห็นภาพวงเราชัดเจนแล้ว ที่เหลือแค่เราจะเพิ่มเติมหรือจะทำอะไรต่อไป ผมหวังว่าเพลงของเราจะนำเสนอสิ่งแปลกใหม่ให้วงการเพลงบ้านเราได้เห็นบ้างครับ”
น็อต : “การพัฒนาของพวกเรา เรียกว่าเราจะจัดเซอร์ไพร้ส์ออกมาในทุก ๆ งานเพลง อีกอย่างความเป็นไทยยังมีอีกหลายอย่างที่เราจะหยิบยกมานำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นการร้องที่มีร้อย ๆ แบบ ดนตรีแต่ละภาคอีก เพราะฉะนั้นเรายังมีทางอีกมากมายให้พัฒนาไปครับ”
จุ๊บ : “อยากเอาความเป็นไทยไปนำเสนอให้ชาวโลกได้เห็น ถ้าเราทำได้แบบนั้นเราจะรู้สึกดีมาก ๆ ครับ”
ฝากอะไรถึงแฟน ๆ ที่สนับสนุนผลงานของเรา จนประสบความสำเร็จวันนี้หน่อย?
เจน : “ขอบคุณแฟน ๆ ทุกคนที่ชื่นชมและติดตามผลงานของพวกเรา ทำให้เรามีทุกวันนี้ ยังไงก็ฝากซิงเกิ้ลล่าสุด “ฟินวันทอง” ของพวกเราด้วย หวังว่าทุกคนคงจะชอบครับ”
นับเป็นศิลปินเลือดใหม่ หัวใจไทยเต็มร้อย จนสามารถสร้างความแปลกใหม่ให้วงการเพลงบ้านเราได้ตื่นเต้นอีกครั้ง ยังไงฝากชาวเดลินิวส์ ติดตามและให้กำลังใจวง “เดอะ รู๊บ” กันด้วยนะคะ.
…………………………………………..
ลักกี้เกิร์ล