ความรักถึงทางตันแล้วอีกคู่ สำหรับ “ฮั่น” อิสริยะ ภัทรมานพ หรือ “ฮั่น เดอะสตาร์” กับ นางเอกสาว “ไอซ์” ปรีชญา พงษ์ธนานิกร ที่ทำเอาแฟนๆ ช็อกกับข่าว
เมื่อล่าสุด หนุ่มฮั่นได้ออกมายอมรับว่าห่าง กับสาวไอซ์แล้ว และใช้คำว่าขอมีพื้นที่ในส่วนของแต่ละคนนิดนึง และตอบแบบอึกๆอักๆ เรื่องจะกลับมาเหมือนเดิม บอกให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ยันไม่มีเรื่องมือที่3 ย้ำชัด หากใครพูดเรื่องมือที่ 3 มาคุยกับผมได้เลย
เห็นว่าป่วยเข้าโรงพยาบาลไอซ์ได้ไปเยี่ยมไหม?
“ไม่ได้มาครับ ไม่ได้บอกเขาว่าป่วย ช่วงนี้ไม่ได้คุย เหมือนต่างคนต่างอยู่ในพื้นที่ของตัวเองก่อน”
อย่างงี้ก็คือลดสถานะกันแล้ว?
“ก็เหมือนอย่างที่บอก ต่างคนต่างอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ให้ได้ใช้พื้นที่ส่วนตัวคิดอะไรก่อน ตอนนี้คงมีเรื่องของไลฟ์สไตล์และเรื่องของเวลาต่างๆ”
ห่างกันมานานหรือยัง?
“น่าจะร่วมเดือน”
เป็นการตกลงของทั้งสองฝ่ายหรือเปล่า?
“จริงๆไม่ได้เป็นการตกลงหรือพูดคุย เอาตรงๆเราก็เหมือนกับว่ารู้กันว่าอะไร ยังไง แบบไหน”
ไม่ได้พูดกันชัดเจนใช่ไหม?
“จริงๆทุกวันนี้ความสัมพันธ์ในเรื่องที่มันดี ทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี แต่อะไรที่มันนั่นมันก็เป็นพื้นที่ส่วนตัว เราก็มานั่งคิดว่าอะไรที่เราทำผิดพลาด เกิดขึ้น อะไร แบบไหน ยังไง”
เรียกว่าเป็นการเว้นระยะเพื่อทบทวนกันได้ไหม?
“อาจจะได้หรือไม่ได้ ผมตอบในวันนี้ มันค่อนข้างที่จะบอบบาง บางทีตอบไปเดี๋ยวไม่ถูกใจก็มาด่าผม ผมโดนอยู่ทุกวัน ทุกวันนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ก็อยากจะบอกตรงนี้ว่า อยากให้ต่างคนต่างมีพื้นที่ของตัวเอง ให้ได้คิดอะไรกัน”
ได้ปรับความเข้าใจหรือปรับทัศนคติเพื่อให้ก้าวต่อไปได้ไหม?
“ก็มีเรื่อยๆครับ แต่เรารู้ว่ามีอะไรบ้างที่ได้และอะไรบ้างที่ไม่ได้”
ตอนนี้คือไม่ได้คุยกันเลยใช่ไหม?
“ก็มีบ้างครับ มีบ้างเล็กน้อย อย่างวันนี้ก็มีทักทายกัน ก็ไม่ได้มีอะไรที่มันไม่ดี ต่างคนต่างเข้าใจว่าเรื่องราวเป็นยังไง”
ไม่ได้มีมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องใช่ไหม?
“ไม่มีครับ ถ้าเกิดใครบอกว่ามีมาคุยกับผม”
พอต่างคนต่างปรับแล้วโอเคขึ้นไหม?
“ตอนนี้ก็เหมือนต่างคนต่างไม่ได้มานั่งคิดอะไรเรื่องนี้ แต่คิดเรื่องของการทำงานมากกว่า แล้วในการที่จะมาตอบอะไรแบบนี้ เราก็มีการคุยกันบ้างว่าต้องระวังนิดนึงนะ ส่วนใหญ่ช่วงนี้ผมอาจจะเจอพี่ๆนักข่าวเยอะกว่าน้อง ยังไงก็ฝากด้วยแล้วกัน บางทีผมตอบอีกแบบ แต่ตัดไปออกอีกแบบหนึ่ง คนดูอาจจะเข้าใจผิด อยากจะฝากตรงนี้ด้วย บางทีมันอาจจะบั่นทอนกำลังใจในการทำงานของน้องได้”
เฮิร์ตไหม?
“ก็มีเป็นปกติ”
แต่ก็ยังเป็นห่วงน้องอยู่ใช่ไหม?
“มันก็เป็นห่วงนะครับ แต่ว่าถึงตอนนี้ผมเชื่อว่าด้วยวุฒิภาวะของเขามันน่าจะทำให้การตัดสินใจอะไรหลายๆอย่างในชีวิตเขา เขาน่าจะเลือกในเส้นทางที่เขาต้องการอย่างถูกต้องอยู่แล้ว จริงวันนี้ผมขอตอบเท่านี้ดีกว่า”
ยังมีคนลุ้นให้เรากลับไปคืนดีกันอยู่ไหม?
“ยังตอบอะไรไม่ได้ครับ มันยังใหม่อยู่ ค่อยๆให้มันให้มันเป็นไปแล้วกันครับ”
ถามถึงเรื่องที่เราโพสต์ทวิตเตอร์เกี่ยวกับ ตม.เกาหลีที่เพื่อนเราเข้าไม่ได้เกิดอะไรขึ้น?
“เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล ไม่ใช่ว่าตัวเราเองไม่มีสติ มีสติทุกอย่างในการพิมพ์ข้อความ ผมแค่บอกในฐานะที่ผมเป็นนักท่องเที่ยวว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับนักท่องเที่ยวที่ไป เพราะว่าสิ่งที่เราไปเราก็ทำทุกอย่างถูกต้อง แต่สิ่งที่เราเจอทำให้เรารู้สึกว่าการกระทำแบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้นกับตัวเราและทัวร์ของเรา ผมก็เลยโพสต์ข้อความนั้นออกไป”
พอเราโพสต์ไปหลายคนค่อนข้างตกใจว่าเรื่องมันรุนแรงไหมตอนอยู่ที่นั่น?
“คือว่าทั้งหมดทุกอย่างมีการแก้ไขไปด้วยใช้ระยะเวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ในตอนที่อยู่ตรงนั้น ก็ขอบคุณพี่ผู้ใหญ่ทุกคนที่วิ่งวุ่นเป็นเรื่องเป็นราวให้ แต่ว่าในสิ่งหนึ่งที่ผมอาจจะตอบแทนทุกคนนะ อาจจะตรงใจใครหลายคนหรือว่าไม่โดนใจใคร ในลักษณะนั้นยังไงก็แล้วแต่ ก็น่าจะมีเหตุผลนิดนึง เขาเหมือนแค่ต้องการคนไปคอนเฟิร์มว่ามาด้วยกัน แต่ว่าเขาไม่ให้เราเข้าไปคอนเฟิร์ม เราก็เลยไม่รู้ว่าจะให้เราทำแบบไหนยังไง ระหว่างที่ 4-5 ชั่วโมงผมก็มานั่งคิดว่ามันยังไงนะ ลองคิดดูว่าถ้าเป็นเด็กที่เขามาเที่ยวเก็บเงินมาทั้งปีมาเที่ยว แล้วมาโดนแบบนี้ผมว่ามันไม่แฟร์ ตอนที่โพสต์ยอมรับว่ามีอารมณ์นิดหนึ่ง แต่ว่าทุกคำพูดที่ใช้ค่อนข้างดูแล้วว่ามันแบบนั้นแบบนี้จริงนะ ข้อมูลที่เรารู้มา มีหลายคนที่โดนเหมือนกัน มีพี่ที่ขอถ่ายรูปผมบนรถไฟ เสร็จแล้วเขาก็โพสต์กลับมาว่าเขาโดนเหมือนกันนะ เจาโดนกลับทั้งๆที่ยังไม่ได้อะไรเลยก็ยังดีที่ได้ถ่ายรูปกับเรา ผมก็ไม่รู้ว่าจะให้กำลังใจเขายังไง พูดในฐานะนักท่องเที่ยว ผมก็คิดว่าถ้ามันจะอะไรอย่างนี้ มันดูยากหรือทำอะไรแบบนี้ มันก็กระทบจิตใจคนไปเที่ยว ก็ให้มีการทำวีซ่าไปเลยมั้ย จะได้จบเลย คนไหนมีวีซ่าก็เข้าได้ คนไหนไม่มีก็เข้าไม่ได้”
แต่สิ่งที่เราพูดกลัวจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไหม?
“ผมก็ยังบอกอยู่ว่าพูดในฐานะนักท่องเที่ยว ผมพูดแค่คนเดียวมันไม่ได้มีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นสงครามอะไรขนาดนั้น มันก็เป็นความคิดเห็นของบุคคลคนหนึ่งเท่านั้นครับผม และก็ไม่ได้มีการพาดพิงให้ประเทศเขาเสื่อมเสีย หลังจากที่ผมได้เข้าไปแล้ว ผมไปท่องเที่ยวในบ้านเขา แฮปปี้ไม่ได้มีอะไร แค่ในจุดตรงนั้นมากกว่าว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็ไม่ได้ยืนกรานว่าจะเป็นประเทศที่ไม่ไปนะ หรือว่าเป็นประเทศที่เขาไม่ดีนะ แค่จะบอกว่าในตรงนี้ อาจจะมีข้อบกพร่องอยู่ หรือเป็นส่วนที่เราไม่รู้รึเปล่าแค่นั้นครับผม เพราะว่ามีคนหลายๆคนที่เขาไปพบเจอมา”