ตามนโยบายของพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในทุกรูปแบบโดยเฉพาะอาชญากรรมในโลกออนไลน์ และปราบปรามยาเสพติดซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับสังคม และเป็นอันตรายแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก
ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาล IDMB สืบทราบว่า มีกลุ่มคนร้ายที่มีพฤติกรรมหลอกขายยารักษาโรคแอบแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มไลน์ต่างๆ แล้วทิ้ง QR Code ไว้ หากใครสนใจซื้อสินค้า ให้ติดต่อมาทาง QR Code ดังกล่าว ได้มีผู้เสียหายหลายรายตกเป็นเหยื่อโอนเงินค่าสินค้าร่วมแสนบา ไปยังบัญชีของคนร้า แต่กลับไม่ได้รับสินค้าตามที่ตกลงกันไว้ กลุ่มผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีจนถึงที่สุด
พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พร้อมชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาล IDMB ประกอบด้วย พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ,พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ,พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.รัฐนันท์ สมวงศ์ รอง ผกก.สส.4,พ.ต.ต.สมพงษ์ เกตุระติ,พ.ต.ต.ทศรัสมิ์ กิติธารา,ร.ต.อ.ธีระเดช พรมลาย,ร.ต.อ.วีรพงษ์ คุณสมิตปัญญา,ร.ต.อ.อภิชัย ชัชวาลปรีชา,ร.ต.อ.ธนพล มโนสร พร้อมกับพวก เร่งสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายให้ได้โดยเร็ว
หลังทราบเรื่อง สืบสวนนครบาล สามารถพิสูจน์ทราบว่ากลุ่มคนร้ายมีจำนวน 3 ราย พบประวัติเคยหลอกลวงในรูปแบบต่างๆนับไม่ถ้วน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2565 เวลาประมาณ 15.30 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น. บุกจับกุมผู้ต้องหา น.ส.อรวรรณ ทิพย์มาก อายุ 40 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 130/248 ม.10 ต.วัดประดู่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ต้องหาที่ 1 ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.1045/2565 ลงวันที่ 27 ก.ย.65,น.ส.รวิวรรณ สุวรรณสมุทร อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 ม.1 ต.ไทรขึง อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ต้องหาที่ 2 ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.1046/2565 ลงวันที่ 27 ก.ย.65 และ นายณภูพรรษ์ คล้ายแก้ว อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 ม.13 ต.ตรีณณรงค์ อ.ไชโย จ.อ่างทอง ผู้ต้องหาที่ 3 ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐมที่ จ.337/2565 ลงวันที่ 14 ก.ย.65
โดยกล่าวผู้ต้องหาทั้งหมดว่า “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” และผู้ต้องหาที่ 2 กับ 3 ในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมด้วยของกลาง บัตรเอทีเอ็ม จำนวน 12 ใบ,สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 2 เล่ม,โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง,เงินสด จำนวน 45,000 บาท,ไอซ์ จำนวน 1 ถุง น้ำหนัก 0.98 กรัม (ของน.ส.รวิวรรณฯ),ไอซ์ จำนวน 1 ถุง น้ำหนัก 2.05 กรัม (ของนายณภูพรรษ์ฯ)
สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2565 เวลาประมาณ 15.30 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบนครบาล บุกจับกุม น.ส.อรวรรณ ทิพย์มาก,น.ส.รวิวรรณ สุวรรณสมุทร และ นายณภูพรรษ์ คล้ายแก้ว ผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้ที่โรงแรมเดวิส เลขที่ 88 ซอยสุขุมวิท 24 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับให้ผู้ต้องหาทราบ ดังนี้. น.ส.อรวรรณ ทิพย์มาก อายุ 40 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 130/248 ม.10 ต.วัดประดู่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.1045/2565 ลงวันที่ 27 ก.ย.65 ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”,น.ส.รวิวรรณ สุวรรณสมุทร อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 ม.1 ต.ไทรขึง อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.1046/2565 ลงวันที่ 27 ก.ย.65 ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
และ นายณภูพรรษ์ คล้ายแก้ว อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 ม.13 ต.ตรีณณรงค์ อ.ไชโย จ.อ่างทอง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐมที่ จ.337/2565 ลงวันที่ 14 ก.ย.65 ความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
และแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ โดยวิธีการกระทำความผิดของมิจฉาชีพกลุ่มนี้จะมีการแอบแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มไลน์ต่างๆ เช่น กลุ่มไลน์ซื้อขายยารักษา หรือกลุ่มไลน์ขายสินค้าทางการแพทย์ แล้วทิ้ง QR Code ไว้ หากใครสนใจซื้อสินค้า ให้แอดเฟรนผ่านทาง QR Code ที่คนร้ายทิ้งไว้ในกลุ่ม หลังจากนั้น คนร้ายจะหลอกล่อเหยื่อจนหลงเชื่อว่ามีสินค้าอยู่จริง และให้โอนเงินเข้ามาในบัญชีคนร้าย (บัญชีม้าแถวแรก) มีผู้เสียหายหลายรายตกเป็นเหยื่อ โอนเงินค่าสินค้าร่วมแสนบาท สุดท้ายเงินของเหยื่อได้ถูกโอนต่อเข้าไปยังบัญชีของ น.ส.รวิวรรณ สุวรรณสมุทร ซึ่งเป็นบัญชีปลายทาง โดยชุดสืบสวนตรวจสอบพบว่าเคยก่อเหตุฉ้อโกงหลายครั้ง และผู้เสียหายไม่ได้รับสินค้าตามที่ตกลงกันไว้
ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ขอให้การในชั้นสอบสวน
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ควบคุมได้นำตัว น.ส.อรวรรณฯ และ น.ส.รวิวรรณฯ พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี และได้ควบคุมตัวนายณภูพรรษ์ฯ พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางเลน จังหวัดนครปฐม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนไอซ์ของกลาง ได้ทำบันทึกตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “ขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนทราบว่ามิจฉาชีพมีการแอบแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มไลน์ต่างๆ เช่น กลุ่มไลน์ซื้อขายยารักษา หรือกลุ่มไลน์ขายสินค้าทางการแพทย์ แล้วทิ้ง QR Code ไว้ ให้แอดเฟรนผ่านทาง QR Code ที่คนร้ายทิ้งไว้ในกลุ่ม ระมัดระวังอย่าด่วนโอนเงินโดยให้ศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ หากท่านมีเบาะแสใด สามารถแจ้งมายังเฟซบุ๊ก เพจ สืบสวนนครบาล IDMB ได้ทันทีตามนโยบาย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. แม้จะไม่ได้เป็นคดีเหตุอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จะมีการดำเนินการทันที”
ศูนย์ลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. Facebook เพจ สืบสวนนครบาล IDMB
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน