ในเวลา 08.30 น. วันที่ 30 กันยายน 2565 กองเรือยุทธการจัดพิธี รับ-ส่ง หน้าที่ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ระหว่าง พลเรือเอก สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ท่านเดิม กับ พลเรือโท อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ท่านใหม่ โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูง หัวหน้าหน่วยขึ้นตรง และกำลังพลกองเรือยุทธการร่วมในพิธี บนเรือหลวงจักรีนฤเบศร ท่าเรือจุกเสม็ด อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ในการนี้ ร.ล.ปิ่นเกล้า ยิงสลุต จำนวน 17 นัด เพื่อเป็นการเทิดเกียรติให้กับผู้บัญชาการกองเรือยุทธการท่านเดิม และได้ยิงสลุตอีกครั้ง จำนวน 17 นัด ให้กับผู้บัญชาการกองเรือยุทธการท่านใหม่ ตามธรรมเนียมปฏิบัติของนักรบทางเรือ โดยผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ท่านเดิม ได้กล่าวมอบตำแหน่งใจความว่า ในช่วงเวลาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาที่ผมดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ นั้น กองเรือยุทธการสามารถปฏิบัติภารกิจต่างๆ ตามนโยบายของกองทัพเรือ ตลอดจนสามารถดำรงความพร้อม ทั้งด้านองค์บุคคล องค์วัตถุ และองค์ยุทธวิธีเพื่อให้เป็นกำลังทางเรือที่มีความพร้อมรบและพร้อมปฏิบัติการในทุกภารกิจการนี้ ผมขอขอบคุณกำลังพลทุกนายที่ได้ร่วมแรงร่วมใจ ช่วยกันปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ให้สำเร็จ และมีประสิทธิภาพตลอดมา และตามที่ได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเรือโท อะดุง พันธุ์เอี่ยม เจ้ากรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ เป็นผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2565 นั้น ผมขอแสดงความยินดีกับท่าน พลเรือโท อะดุง พันธุ์เอี่ยม ซึ่งท่านเป็นผู้ที่มีความพร้อม มีความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ในการทำงาน เป็นที่ยอมรับของผู้บังคับบัญชาทุกระดับเคยผ่านการปฏิบัติงาน ทั้งในส่วนบัญชาการ ส่วนกำลังรบ ส่วนการศึกษาและวิจัย ตลอดจน ฝ่ายเสนาธิการโดยตำแหน่งที่สำคัญของท่าน อาทิ เช่น ผู้บังคับการเรือหลวงปิ่นเกล้า รองผู้ช่วยทูตทหารไทย และผู้ช่วยทูตทหารเรือไทยประจำกรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรเลีย ผู้บังคับการโรงเรียนชุมพลทหารเรือ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กรมยุทธการทหารเรือ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหาร กองทัพเรือ และก่อนที่ท่านจะมาเป็นผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ นั้น ท่านได้ดำรงตำแหน่งเจ้ากรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ ซึ่งจากประสบการณ์การรับราชการของท่านที่ผ่านมา ผมจึงมีความเชื่อมั่นว่า ท่านจะเป็นผู้นำความสำเร็จ และความเจริญรุ่งเรือง มาสู่กองเรือยุทธการอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม กองเรือยุทธการ เป็นหน่วยงานขนาดใหญ่ ซึ่งมีหน้าที่ภารกิจ กำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่อยู่ในความรับผิดชอบมาก ย่อมจะต้องมีปัญหาและอุปสรรคเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จึงขอให้พวกเราทุกคน ได้ให้ความร่วมมือแก่ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการท่านใหม่ และปฏิบัติงานร่วมกันด้วยความ มุ่งมั่น ตั้งใจอย่างเต็มกำลังความสามารถ ทั้งนี้ ก็เพื่อกองเรือยุทธการ และกองทัพเรือที่เป็นที่รักยิ่งของพวกเรา บัดนี้ ได้เวลาอันสมควรแล้ว ผมขอมอบการบังคับบัญชา กองเรือยุทธการให้กับ พลเรือโท อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ท่านใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป ทั้งนี้ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ท่านใหม่ ได้กล่าวรับตำแหน่ง ใจความว่า ผมขอรับการบังคับบัญชา กองเรือยุทธการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป และในเวลา 09.00 น. พลเรือโท อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ท่านใหม่ ได้ให้โอวาทแก่กำลังพลกองเรือยุทธการ ความว่า ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผมเป็นผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2565 นั้น ผมขอสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง และจะขอทำหน้าที่ในตำแหน่งผู้บัญชาการกองเรือยุทธการนี้ให้ดีที่สุด สุดกำลังความรู้ความสามารถ พร้อมกับจะเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสูงสุด “ไม่มีเรือรบ ไม่มีกองทัพเรือ” เป็นวลีที่ได้ยินมาตั้งแต่อดีต แต่ต้องขยายความเพิ่มคำว่า “เรือรบ” หมายถึง กำลังทางเรือซึ่งประกอบด้วย เรือ อากาศยาน และหน่วยรบพิเศษ อีกทั้งคำว่า “มีเรือรบ”นั้น หมายความถึง นอกจากจะต้องมีกำลังทางเรือแล้วยังต้องมีความพร้อมที่จะรบ หรือปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายด้วย ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ที่กองเรือยุทธการจะต้องทำให้กำลังรบ ทั้งองค์บุคคล องค์วัตถุ องค์ยุทธวิธี และการบริหารจัดการ ร่วมกันทำให้กำลังทางเรือมีความพร้อม ซึ่งผมคงต้องอาศัยแรงกาย แรงใจ และความสามัคคีของพวกเราทุกคนช่วยกันทำให้สำเร็จ สำหรับการสวัสดิการดูแลกำลังพลและครอบครัว ให้มีความเป็นอยู่ที่ดี รวมทั้งดูแลครอบครัวของพวกเรายามที่ต้องออกราชการเป็นหน้าที่ของผมและผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ที่จะทำให้ดีที่สุด ใน 1 ปีนับจากนี้ ผมจะปกครองบังคับบัญชาแบบตรงไปตรงมา และจะใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดชีวิต นำมาใช้เป็นองค์ประกอบในการแก้ปัญหา และพัฒนากองเรือยุทธการให้เจริญก้าวหน้าและมีความพร้อมสูงสุด ในการนี้ผมขออันเชิญพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ ผู้บัญชาการทหารเรือท่านที่แล้วได้น้อมนำใส่เกล้าใส่กระหม่อมและใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติราชการ ความว่า “จะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ด้วยความรัก ความสามัคคี ด้วยความซื่อสัตย์ มีความวิริยะอุสาหะ จงรักภักดี ด้วยสติรู้ตัว ด้วยปัญญารู้คิด สุจริตจริงใจ ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น” สุดท้ายนี้ ผมขอให้คำมั่นต่อทุกคนอีกครั้งว่า ผมจะเป็นทั้งผู้บังคับบัญชา ครู เพื่อนร่วมงานสำหรับพวกเราทุกคน จะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่เพื่อกองทัพเรือ และกองเรือยุทธการให้ดีที่สุด@ตอนหนึ่ง
แชร์ให้เพื่อน