.
วันนี้ (29 กันยายน 2565) เวลา 09.09 น. ณ ที่ทำการพรรคไทยภักดี นายถาวร เสนเนียม อดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคม เดินทางมาสมัครสมาชิกพรรคไทยภักดี โดยมี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี,พล.ต.ท. ชาญเทพ เสสะเวช เลขาธิการพรรค พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคไทยภักดี ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมมอบบัตรสมาชิก สวมเสื้อพรรคไทยภักดี และคล้องพวงมาลัยดอกดาวเรือง
.
นายถาวร กล่าวว่า การรัฐประหาร ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 มีความประสงค์ที่จะยุติความวุ่นวาย และกวาดล้างการทุจริต และได้ตั้งคำถามว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ ตนมองว่าอยู่แค่คำมั่นสัญญาที่จะปฏิรูปประเทศ ตนไม่ต้องการ การปฏิรูปไม่ใช่การเก็บไว้เพื่อเอาไปหาเสียง หรือสืบทอดอำนาจต่อ แต่การปฏิรูปประเทศต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อประชาชน ดังนั้น วันที่ 30 กันยายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะอยู่ต่อหรือไม่ หรือใครจะเข้ามารับผิดชอบ ผู้ที่ทำหน้าที่รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบในประเด็นความเหลื่อมล้ำ ความยากจน และการปฏิรูปการศึกษา เพราะสังคมไทยกำลังเดินเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การช่วยเหลือผู้สูงอายุของรัฐบาลนี้ เป็นการหาเสียง และไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน
.
“แม้ว่าพรรคไทยภักดีจะเป็นพรรคเล็ก ไม่มีนายทุนผูกขาด แต่มีอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ตั้งใจที่จะทำการเมืองให้ดีขึ้น จะต้องปฏิรูปประเทศให้ครบทุกด้าน ความตั้งใจอย่างแน่วแน่ของการเป็นผู้นำประเทศ ไม่ใช่แค่พูด และให้ลูกน้องนำเงินไปซื้อเสียง การเลือกตั้งในหลายเขตใช้เงินกว่า 100 ล้านบาท จึงเป็นที่มาของวงจรอุบาทนี้ ปัญหาทุกอย่างแก้ได้ เราสามารถสกัดกั้นคนไม่ดีไม่ให้มาบริหารประเทศได้ และส่งเสริมคนดีให้มานั่งบริหารประเทศ”
.
นายถาวร ระบุอีกว่า “ตนได้มอบจิตวิญญาณ มอบความตั้งใจ พละกำลังทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ ปฏิรูปประเทศ การทุจริตจะต้องลดลง และชาติบ้านเมืองจะต้องเจริญ ประชาชนจะต้องอยู่ดีกินดี คนชั่วจะไม่มีที่ยืน นักการเมืองที่ทุจริตเอาเปรียบจะต้องเข้าคุก”
.
“หาก พล.อ.ประยุทธ ไม่ปฏิรูปประเทศ ไม่ปราบปรามการทุจริต ก็พอกันที”
.
นายถาวร ยืนยันว่า ตนยังคงผูกพันกับพรรคประชาธิปัตย์ และยึดมั่นในอุดมการของพรรคประชาธิปัตย์อยู่หนึ่งข้อ ที่ว่าพรรคจะทำการเมืองด้วยความบริสุทธิ์ สุจริต เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ลิขสิทธิ์ของท่านใด แต่เป็นเรื่องของนักการเมืองที่ทุกคนจะต้องนำมาใช้ และในวันนี้ตนเป็นสมาชิกพรรคไทยภักดีโดยสมบูรณ์แล้ว ก็ถือว่าตนได้เปลี่ยนสัญชาติ แต่ทุกพรรคการเมืองเป็นพันธมิตรกันได้ นักการเมืองน้ำดีจับมือกอดคอกันพัฒนาประเทศชาติได้
.
ผู้สื่อข่าว ถามว่า หากพรุ่งนี้ (30 ก.ย.) จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมออกมาเคลื่อนไหวเพื่อรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ปมการดำรงตำแหน่ง นายกฯ 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ มีความกังวลต่อกลุ่มผู้ชุมนุมที่พยายามออกมารวมตัวก่อความวุ่นวายหรือไม่ นายถาวร ระบุว่า ไม่กังวล เพราะมี พ.ร.บ.ว่าด้วยการชุมนุมในที่สาธารณะ และมีตำรวจ ทหารในการดูแลความสงบเรียบร้อย แต่ที่สำคัญคือ ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก จะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ อยู่กับผู้ที่มาชุมนุมเรียกร้อง จะใช้ความเป็นพลเมืองในการชุมนุม แต่ฝ่ายรัฐ ตำรวจ ทหาร จะต้องใช้เหตุผล ใช้หลักความพอดี ในการปราบการชุมนุม หรือทำให้การชุมนุมดำเนินไปอย่างราบรื่น ถูกต้อง ไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งการชุมนุมถือเป็นสิทธิของพลเมือง แต่ขอให้อยู่ในกรอบ ยกเว้นหากมีพรรคการเมืองใด ออกมาชุมนุมเรียกร้องในการล้มล้างสถาบัน ก็จะต้องได้สู้กับพรรคไทยภักดีแน่นอน
.
และเมื่อถามต่อว่า ในช่วงนี้มีการควบรวมพรรคการเมือง พรรรคไทยภักดี จะมีการควบรวมกับพรรคอื่นหรือไม่ นายถาวร ระบุว่า จากการที่ได้คุยกับคณะกรรมการบริหารพรรคว่า กติกาใดที่หารด้วย 100 หรือ 500 ส.ส. จะออกมาในรูปแบบใด เราก็จะสู้ทั้งหมด การควบรวมกันนั้น ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่ต้องดูที่อุดมการณ์และจุดยืน รวมถึงนโยบาย ความจริงใจของนักการเมืองในพรรคนั้นๆที่จะมาจับมือกับเรา แต่ขณะนี้เราไม่เห็นว่าเราจะไปจับมือหรือควบรวมกับใคร พรรคไทยภักดียืนด้วยความแข็งแกร่ง มีหัวใจที่พองโตและความมุ่งมั่นสูงมาก
.
ด้าน นพ.วรงค์ กล่าวว่า นี่คือขบวนการที่ประธานพรรคไทยภักดี ได้มาพบปะสมาชิกพรรคและแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการที่จะจับมือร่วมกับพรรคไทยภักดี ตนกล้าพูดเต็มปากว่า ไม่มีพรรคการเมืองพรรคไหนปราบโกงเก่งเท่ากับพรรคของเรา และขอประกาศถึงเส้นทางในอนาคตว่า พรรคไทยภักดีจะจัดระดมทุนครั้งใหญ่ ในวันที่ 23 ตุลาคม 2565 เพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง โดยจัดที่เมืองทองธานี และสิ่งที่พี่น้องได้รับตอบแทนจากไทยภักดี คือตนเชื่อว่า การปราบปรามการทุจริตจะเกิดขึ้นอย่างจริงจัง และนำไปสู่นวัตกรรมเปลี่ยนแปลงประเทศ ที่ไม่มีพรรคการเมืองใดทำได้
.