ความพร้อมฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2016” รอบแรก กลุ่มเอ นัดที่ 2 ทีมชาติไทย พบกับ ทีมชาติสิงคโปร์ ที่สนามฟิลิปปินส์ สปอร์ต ประเทศฟิลิปปินส์ วันที่ 22 พ.ย. นี้ เวลา 15.30 น.
ทัพ “ช้างศึก” ของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เก็บ 3 แต้ม จากเกมแรกได้สำเร็จ ขึ้นนำเป็นจ่าฝูง ด้วยการเอาชนะ อินโดนีเซีย 4-2 ซึ่งเกมนี้ถ้าพวกเขาเก็บชัยชนะได้ จะผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศทันที ส่วนสภาพทีมจะต้องรอเช็กสภาพความฟิต ทริสตอง โด แบ็กขวา อีกครั้ง
หลังได้รับบาดเจ็บจากเกมแรก ขณะที่นักเตะรายอื่นๆพร้อมลงสนามทั้งหมด
การจัดทัพคาดว่า ไทย จะกลับมาใช้ระบบ 4-3-3 อีกครั้ง หลังระบบ 3-4-1-2 ในนัดแรก มีปัญหาเปิดพื้นที่ด้านข้างให้คู่แข่งเปิดบอลเข้าทำได้ง่าย โดยจะส่ง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เป็นผู้รักษาประตู
แบ็กขวา อดิศร พรหมรักษ์ คู่เซนเตอร์ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กับ กรวิทย์ นามวิเศษ
แบ็กซ้าย ธีราทร บุญมาทัน แดนกลางวาง สารัช อยู่เย็น, ปกเกล้า อนันต์ และ ชนาธิป สรงกระสินธ์
โดยมี มงคล ทศไกร เป็นตัวริมเส้นด้านขวา รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก เล่นริมเส้นด้านซ้าย ส่วน ธีรศิลป์ แดงดา กัปตันทีม ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า
ด้าน สิงคโปร์ ภายใต้การคุมทีมของ วาราดารายู ซุนดรามูร์ตี มี 1 แต้ม จากการเสมอ ฟิลิปปินส์
ในเกมแรก 0-0 แถมยังมีปัญหาเรื่องการจัดทัพ หลัง ฮาฟิซ สุยัด แบ็กซ้ายตัวเก่ง ได้รับใบแดงจากเกมนัดที่แล้ว และยังต้องรอเช็กฟิต อับดุล ฮามีด ที่ได้รับบาดเจ็บจากเกมแรก
ขณะที่ล่าสุด มุสตาฟิค ฟาห์รุดดิน ปราการหลังจอมเก๋า ต้องขอถอนตัวออกจากทีม
เนื่องจากบิดาเสียชีวิตกระทันหันด้วยโรคหัวใจ
อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์ ยังมี ฮัสซัน ซันนี่ ผู้รักษาประตูจอมหนึบ และ ไครุล อัมรี่ กองหน้าตัวเก่ง
ที่เคยพาทีมยิง ทีมชาติไทย ในทัวร์นาเมนต์นี้มาแล้ว ในนัดชิงชนะเลิศ เกมที่ 2 เมื่อปี 2007
และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ไปครอง
ทั้งนี้ สถิติการพบกันของทั้ง 2 ทีม ตามที่ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า รับรอง
ทั้งคู่พบกันทั้งหมด 60 นัด ไทย ชนะ 31 นัด สิงคโปร์ 12 นัด และเสมอกัน 17 นัด
โดยเกมล่าสุดที่พบกัน ในเกมอุ่นเครื่องที่สนามเฉลิมพระเกียรติฯ 80 พรรษา จ.นครราชสีมา
ไทย ชนะ 2-0 ขณะที่รายการ “ซูซูกิ คัพ” พบกันครั้งสุดท้ายปี 2014 รอบแรก นัดแรก ไทย ชนะ 2-1
ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์