เมื่อวานนี้ (20 พฤศจิกายน 2559) พลเรือเอก ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานการจัดงานวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนนายเรือ ณ หอประชุมภูติอนันต์ โรงเรียนนายเรือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
โรงเรียนนายเรือ ได้ถือกำเนิดขึ้นมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ท่าน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดระเบียบการปกครองบ้านเมืองใหม่ตามแบบตะวันตก สำหรับกิจการทหารเรือนั้น โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งกรมทหารเรือขึ้น โดยระยะแรกที่ยังขาดบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถมาวางรากฐานงานต่าง ๆ ก็ได้จ้างชาวต่างประเทศมา ดำรงตำแหน่งสำคัญที่คนไทยยังทำงานไม่ได้ เช่น ตำแหน่งผู้บังคับการเรือ ผู้บัญชาการ ป้อมต่าง ๆ และครูอาจารย์ทางด้านการศึกษาวิชาการทหารเรือนั้น กรมทหารเรือได้จัดตั้งโรงเรียนสำหรับอบรมนายทหารชั้นประทวนขึ้นครั้งแรกที่บริเวณอู่หลวงใต้วัดระฆังตรงข้ามท่าราชวรดิฐ ต่อมาใน พ.ศ.2434 ได้ตั้งโรงเรียนนายสิบขึ้น ใน พ.ศ.2436 (ร.ศ.112) หลังจากเกิดเหตุการณ์เรือรบฝรั่งเศสตีฝ่าล่วงล้ำปากน้ำเจ้าพระยา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงมีพระราชดำริว่า “การที่ต้องจ้างชาวต่างประเทศเป็นผู้บังคับการเรือและป้อมนั้นไม่เป็นที่มั่นคงที่จะรักษาประเทศได้จะต้องมีการศึกษาและฝึกหัดให้คนไทยทำหน้าที่แทนชาวต่างประเทศได้”
ในปีนี้เอง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ไปศึกษาวิชาการทหารเรือ ณ ประเทศอังกฤษ พ.ศ.2440 ได้มีการตั้งโรงเรียนนายร้อยทหารเรือขึ้น แต่เปิดเรียนได้ เพียง 3 รุ่น จนถึงวันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2441 ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงเรียนนายเรือขึ้น โดยให้ใช้เรือพระที่นั่งมหาจักรี และ เรือหลวงมูรธาวสิตสวัสดิ์ เป็นสถานที่เรียน ส่วนเรือหลวงพาลีรั้งทวีป และเรือหลวงสุครีพครองเมือง ใช้เป็นที่พัก และฝึกนักเรียน มีนาวาโท ไซเดอร์ลิน ชาวเดนมาร์ก เป็นผู้บังคับการเรือหลวงมูรธาวสิตสวัสดิ์ และเป็นผู้บังคับการโรงเรียนด้วย
สำหรับนักเรียนนั้นได้คัดเลือกจากพลทหาร จ่า จำพวกนายท้ายเรือใหญ่ และนักเรียนจากโรงเรียนนายร้อยทหารเรือ เรียกชื่อว่า นักเรียนนายเรือ ในครั้งแรกมีนักเรียน 12 นาย ในปีต่อมา นักเรียนมีจำนวนมากขึ้น ต้องให้นักเรียนขึ้นมาพักที่ศาลาการเปรียญวัดวงศมูล แต่ด้วยเหตุที่สถานที่เล่าเรียนคับแคบ ใน พ.ศ.2443 จึงย้ายโรงเรียนขึ้นมาอยู่ที่นันทอุทยานธนบุรี เมื่อจำนวนนักเรียนทวีมากขึ้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาพระราชทานพระราชวังเดิม กรุงธนบุรี ให้เป็นที่ตั้งโรงเรียนนายเรือแต่ในระหว่าง
การก่อสร้างดัดแปลงพระราชวังเดิม โรงเรียนนายเรือได้ย้ายจากนันทอุทยานไปอยู่ที่พระตำหนักสุนันทาลัย ปากคลองตลาดเป็นการชั่วคราว จนถึง พ.ศ.2446 จึงย้ายมาที่พระราชวังเดิม
วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2449 (ร.ศ.125) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จมาทรงเปิดโรงเรียนนายเรือและได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชหัตถเลขาไว้ในสมุดเยี่ยมของโรงเรียนนายเรือว่า “วันที่ 20 พฤษจิกายน ร.ศ.125 เราจุฬาลงกรณ์ ปร. ได้มาเปิดโรงเรียนนี้ มีความปลื้มใจซึ่งได้เหนการทหารเรือมีรากหยั่งลงแล้ว จะเปนที่มั่นสืบไปในภายน่า” การศึกษาในโรงเรียนนายเรือในช่วงเวลานั้นถือได้ว่า
เป็นการศึกษาตามหลักสูตรใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงใน พ.ศ.2448 โดยมีนายพลเรือตรี พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตอุดมศักดิ์ รองผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานคณะกรรมการปรับปรุงหลักสูตร นอกจากนั้น เสด็จในกรมฯ (พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์) ยังได้ทรงอำนวยการศึกษาและเป็นพระอาจารย์ ตั้งแต่ พ.ศ.2449 จนถึง พ.ศ.2454 ทำให้นักเรียนนายเรือที่สำเร็จการศึกษามีความรู้ความสามารถ ปฏิบัติงานแทนนายทหารต่างประเทศได้เป็นอย่างดี
นับแต่นั้นมาราชนาวีไทยก็ได้ดำเนินการโดยคนไทยตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตราบจนปัจจุบันนี้ และจากลายพระราชหัตถเลขาข้างต้น โรงเรียนนายเรือจึงกำหนดปรัชญาของโรงเรียนนายเรือว่า “แหล่งผลิตนายทหารเรือ อันเป็นรากแก้วของกองทัพเรือ”
ประมาณกลางปี พ.ศ.2486 ซึ่งเป็นช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง จังหวัดพระนครได้ถูกโจมตีจากภัยทางอากาศอยู่บ่อยครั้ง จึงได้มีคำสั่งให้ย้ายโรงเรียนนายเรือจากพระราชวังเดิมไปอยู่ที่สัตหีบเป็นการชั่วคราว โดยมีการสร้างโรงเรียนนายเรือแห่งใหม่ขึ้นที่อ่าวเกล็ดแก้ว อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี แต่เมื่อนำนักเรียนกับนายทหารและครูอาจารย์ไปที่นั่นก็ประสบปัญหา เนื่องจากสภาพโดยรอบโรงเรียนยังเป็นป่า มีไข้มาเลเรียระบาด ครูอาจารย์เดินทางมาสอนลำบาก นักเรียนก็เป็นไข้มาเลเรียขึ้นสมองกันหลายคน จนไม่สามารถเรียนหนังสือได้ในที่สุด ปี พ.ศ.2495 โรงเรียนนายเรือจึงต้องย้ายจากเกล็ดแก้วมาอยู่ที่ป้อมเสือซ่อนเล็บ จังหวัดสมุทรปราการ โดยแลกสถานที่กับโรงเรียนชุมพลทหารเรือ และได้ผลิตนายทหารหลักของกองทัพเรือมาจนถึงทุกวันนี้