นายกฯ ส่งสารร่วมยินดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ขึ้นผู้นำสหรัฐอเมริกาคนใหม่ หวังไทย-สหรัฐกระชับความสัมพันธ์มากขึ้น ขณะที่อเมริกันยังเคลื่อนไหวต่อต้านผู้นำคนใหม่อย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 15 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีสารแสดงความยินดีถึงนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนที่ 45 เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา ใจความว่า ในนามของตัวแทนประชาชนชาวไทย ขอแสดงความยินดีอย่างจริงใจต่อท่าน และนายไมค์ เพนซ์ ที่ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐอเมริกา ชัยชนะของท่านมีความโดดเด่น และเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่าประชาชนชาวอเมริกันได้มอบความไว้วางใจและความเชื่อมั่นในตัวท่านให้เป็นผู้นำพาประเทศก้าวเดินไปข้างหน้า ขอแสดงความปรารถนาดีและให้การสนับสนุนต่อท่าน
นายกฯ ระบุว่า ประเทศไทยและสหรัฐ มีประวัติศาสตร์ความเป็นมิตรและความสัมพันธ์อย่างจริงใจมายาวนาน ย้อนหลังไปถึง 183 ปี ไทยเป็นพันธมิตรประเทศแรกของสหรัฐในเอเชีย และความเป็นพันธมิตรของเราก่อให้เกิดรากฐานของสันติภาพ ความมั่นคง และความเจริญรุ่งเรืองในเอเชีย-แปซิฟิก ความสัมพันธ์อันยาวนานของเราได้รับการรักษาไว้ และขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์ร่วมกันในหลายภาค รวมถึงเศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคมและความร่วมมือในภูมิภาค เรายืนอยู่เคียงข้างกันและต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ในอดีต ความผูกพันแห่งมิตรภาพระหว่างประชาชนของเราแข็งแกร่งและยืนนานอยู่เสมอ
“เชื่ออย่างจริงใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐ จะกระชับมากขึ้นภายใต้ความเป็นผู้นำของท่าน หวังว่าจะได้ร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับท่าน และนายเพนซ์ เพื่อประคับประคองความสัมพันธ์ที่มีผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างประเทศชาติและประชาชนของทั้ง 2 ฝ่ายและขับเคลื่อนความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกลุ่มอาเซียนกับสหรัฐให้ก้าวเดินไปข้างหน้า ขออวยพรให้ท่านประสบความสำเร็จ ในทุกความอุตสาหะพยายาม” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
ด้านความเคลื่อนไหวต่อต้านโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างต่อเนื่องในสหรัฐแม้เข้าสัปดาห์ที่สองหลังจากมหาเศรษฐีที่หาเสียงชูนโยบายที่สร้างความแตกแยกและเกลียดชังรายนี้ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐวันที่ 8 พ.ย. การชุมนุมประท้วงเมื่อวันจันทร์ซึ่งเกิดขึ้นในหลายเมือง เป็นการแสดงพลังต่อต้านของกลุ่มนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษานับหมื่นคนที่พร้อมใจกันทิ้งห้องเรียนออกมาเดินขบวนตามท้องถนน
ที่นครลอสแองเจลิส สำนักงานการศึกษาของเขตนี้ประเมินว่า มีนักเรียนประมาณ 4,000 คนทิ้งการเรียนออกมาเดินขบวน บางคนชูป้ายข้อความ เช่น “ลุกฮือ”, “ยืนหยัดด้วยกัน” และข้อความว่า ทรัมป์ไม่ใช่ประธานาธิบดีของพวกเรา บางคนถือธงชาติสหรัฐและเม็กซิโก เพื่อคัดค้านนโยบายปราบปรามคนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายของทรัมป์ และการสร้างกำแพงตลอดแนวชายแดนเม็กซิโก
เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนรัฐบาลในเมืองซีแอตเติลรายงานว่า มีนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลาย 20 โรง ประมาณ 5,000 คน ทิ้งห้องเรียนมาเดินขบวนประท้วงในวันนี้ด้วย จำนวนดังกล่าวคิดเป็นราว 10% ของนักเรียนในเขตนี้
นอกจากสองนครใหญ่นี้ เจ้าหน้าที่ในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน, เมืองมอนต์โตเมอรีเคาน์ตี รัฐแมริแลนด์ และเขตซานฟรานซิสโกเบย์ รายงานว่ามีนักเรียนนับพันคนออกมาเดินขบวนเช่นกัน
ด้านความเคลื่อนไหวของทรัมป์ เขามีกำหนดพบกับไมค์ เพนซ์ ว่าที่รองประธานาธิบดีของเขาในวันอังคาร เพื่อหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีท่ามกลางรายงานข่าวว่าเกิดความขัดแย้งกันอย่างดุเดือดภายในเกี่ยวกับการแต่งตั้งบุคคลรับตำแหน่งต่างๆ หลังจากเมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์ได้ประกาศแต่งตั้งที่ปรึกษาสำคัญ 2 ตำแหน่ง หนึ่งในนั้นคือ สตีเฟน แบนนอน นักเคลื่อนไหวขวาจัดที่ถูกระบุว่ามีความเกี่ยวโยงอย่างหลวมๆ กับกลุ่มนาซีใหม่, กลุ่มต่อต้านยิวและพวกที่มีแนวคิดคนขาวเป็นใหญ่
เจ้าหน้าที่ในคณะทำงานถ่ายโอนอำนาจของทรัมป์ยังได้ปฏิเสธรายงานข่าวเมื่อวันจันทร์ ที่ว่าทรัมป์ต้องการสิทธิพิเศษให้ลูก 3 คนคือ อีวานกา, เอริค และโดนัลด์ จูเนียร์ และจาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยของเขา สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับ ใบอนุญาตเช่นนี้จะทำให้ทรัมป์สามารถหารือประเด็นด้านความมั่นคงแห่งชาติกับลูกๆ ของเขา
ทั้งนี้ กฎหมายรัฐบาลกลางสหรัฐไม่อนุญาตให้ประธานาธิบดีแต่งตั้งสมาชิกในครอบครัวรับตำแหน่งในรัฐบาล แต่ลูกทั้ง 4 คนของทรัมป์มีบทบาทสำคัญต่อการหาเสียงของเขามาตั้งแต่ต้น และยังได้รับแต่งตั้งร่วมทีมถ่ายโอนอำนาจด้วย ก่อนหน้านี้ทรัมป์ยืนกรานว่าเขาจะไม่ให้เกิดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน และประกาศจะวางมือจากธุรกิจให้ลูกๆ ของเขาดูแลแทนทันทีที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเดือนมกราคมปีหน้า
เมื่อวันจันทร์ ทีมงานของเขาและทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้โทรศัพท์มาแสดงความยินดีกับทรัมป์ด้วยตนเองในช่วงค่ำ และได้หารือประเด็นต่างๆ รวมถึงเรื่องการก่อการร้ายและวิกฤติในซีเรีย ทั้งคู่ยังเห็นพ้องกันว่าจะร่วมมือกันปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับรัสเซีย
การหยิบยื่นสัมพันธไมตรีต่อปูตินและรัสเซียระหว่างการหาเสียงทำให้ทรัมป์ถูกวิจารณ์ว่ายอมให้รัสเซียมีอิทธิพลชี้นำการเลือกตั้ง หลังจากทรัมป์ชนะ ปูตินได้ส่งสารแสดงความยินดีอย่างรวดเร็ว และประกาศว่ารัสเซียพร้อมและต้องการฟื้นฟูความสัมพันธ์อย่างเต็มพิกัดกับสหรัฐ
ก่อนหน้าการสนทนากับปูติน ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน ก็ได้โทรศัพท์มาแสดงความยินดีและสนทนากับทรัมป์ โดยผู้นำจีนกล่าวว่า ชาติมหาอำนาจทั้งสองจำเป็นต้องร่วมมือกัน ส่วนฝ่ายทรัมป์บอกว่า ผู้นำทั้งสองแสดงความเคารพซึ่งกันและกันอย่างชัดเจน.